องค์การอนามัยโลกและองค์กรอื่นๆ ที่ทำงานทางด้านสาธารณสุข ร่วมมือกันประกาศโครงการรณรงค์ต่อต้านวัณโรค โดยการจัดหาอุปกรณ์การทดสอบเชื้อวัณโรคสมัยใหม่ที่ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
โครงการที่ว่านี้ เริ่มต้นด้วยเงินทุน 26 ล้าน 1 แสนดอลล่าร์ เป้าหมายสำคัญคือ ปรับห้องทดลองปฏิบัติการ หรือห้องแลบในบรรดาประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก ให้มีสมรรถนะที่จะใช้วิธีตรวจสอบเชื้อพันธุ์ หรือ DNA เพื่อตรวจหาเชื้อวัณโรค แทนการนำเชื้อไปเพาะ ซึ่งต้องใช้เวลานานเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน
การที่องค์การอนามัยโลก และองค์กรสาธารณสุขอื่นๆ เห็นว่า เรื่องนี้มีความเร่งด่วนก็เพราะ ในแต่ละปี มีคนติดเชื้อวัณโรคเกือบสิบล้านคน และในจำนวนนี้ เกือบสองล้านคนเสียชีวิต
นอกจากนี้ ผู้ที่มีเชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นวัณโรคได้มาก ตามสถิติ คนที่มีเชื้อ HIV เป็นวัณโรคกันปีละราวๆ 7 แสนคน และประมาณ 230,000คนเสียชีวิต
เหตุผลสำคัญประการที่สอง คือราวๆ 5% ของผู้ที่เป็นวัณโรค ติดเชื้อวัณโรคประเภทดื้อยาที่ใช้รักษาวัณโรค อย่างน้อยยาสองชนิดแรกที่ใช้รักษาวัณโรค คือ isoniazid และ rifampin
วัณโรคประเภทนี้เรียกว่า MDR TB ย่อมาจาก Multi-Drug Resistant Tuberculosis
และเวลานี้ มีคนใน 45 ประเทศ รวมทั้งอเมริกา ที่ติดเชื้อวัณโรคประเภทที่ดื้อยาเช่นนี้
การทดสอบเพื่อตรวจหาเชื้อวัณโรคจาก DNA ตามโครงการที่ประกาศออกมานี้ จะช่วยลดเวลารอผลการทดสอบจากนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน ลงมาเหลือเพียงหนึ่งหรือสองวันเท่านั้น ซึ่งเมื่อวินิจฉัยโรคได้เร็ว ก็ให้การบำบัดรักษาได้อย่างรวดเร็วทันการณ์ด้วย
คุณ Rick O’Brien เป็นหัวหน้าหน่วยประเมินผลสำหรับองค์กร FIND ที่นครเจนีวา ซึ่งเป็นผู้พัฒนาการตรวจเชื้อวัณโรคจาก DNA สำหรับใช้ในคลินิกแพทย์ และเวลานี้กำลังช่วยการปรับเปลี่ยนห้องแลบตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก
คุณ Rick กล่าวว่า การตรวจสอบวิธีนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะปฏิวัติการวินิจฉัยวัณโรค ประเภท MDR TB และจะมีบทบาทสำคัญในการควบคุมโรคนี้มิให้แพร่กระจายออกไปได้
ได้มีการทดลองการตรวจสอบด้วยวิธีนี้แล้วในประเทศแอฟริกาใต้ และปรากฏว่าได้ผลดีเท่า หรือดีกว่าการตรวจสอบแบบเก่า
เจ้าหน้าที่ขององค์กรสาธารณสุขกล่าวว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับวิธีตรวจเชื้อวัณโรคจาก DNA นี้ เฉลี่ยราวๆ 5 ดอลล่าร์สหรัฐต่อคน และจะต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ให้การฝึกอบรมนักเทคนิคการแพทย์ตามห้องแลบ
ทางโครงการได้สร้างห้องแลบนำร่องที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในโลกไว้ที่ Lesotho
คุณ Mario Raviglione ผู้อำนวยการโครงการ Stop TB ขององค์การอนามัยโลก บอกว่า Lesotho ซึ่งเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ยังสามารถมีห้องแลบเท่าเทียมกับประเทศในยุโรปและอเมริกาเหนือได้ ก็เชื่อว่าเป็นเรื่องที่จะสามารถทำได้ในที่อื่นๆ ด้วย
