ลิ้งค์เชื่อมต่อ

สหประชาชาติเตือนปากีสถาน อย่ารีบส่งผู้ลี้ภัยชาวอาฟกานิสถานกลับบ้าน


สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ได้เรียกร้องให้ปากีสถานปรับเปลี่ยนแผนส่งผู้ลี้ภัยชาวอาฟกานิสถานจำนวนสอง 2.4 ล้านคนกลับบ้านเกิดให้หมดภายในปลายปีหน้าเพราะ เห็นว่าอาฟกานิสถานยังไม่พร้อมรับคนเหล่านี้กลับ และแผนนี้อาจจะผลักดันให้ผู้ลี้ภัยตกไปเป็นเครื่องมือของกลุ่มนักรบติดอาวุธพลพรรคทาเลบันได้ แต่ทางปากีสถานไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของสหประชาชาตินี้

ทางการปากีสถานเริ่มปิดค่ายผู้อพยพชาวอาฟกานิสถาน ที่เห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงไปแล้วหนึ่งแห่งเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และยังมีแผนจะปิดอีกสองคายในจังหวัดโบโลจิสถานและจังหวัด North West Forntier ซึ่งติดกับชายแดนอาฟกานิสถาน

ตามนโยบายผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอาฟกานิสถานประมาณ 2.4 ล้านคนให้ยอมกลับบ้านเกิดให้หมดภายในปลายปีหน้าหลังจากที่มาพักพิงอยู่ในปากีสถานตั้งแต่ตอนที่อดีตสหภาพโซเวียตบุกยึดอาฟกานิสถานเพื่อแผ่ขยายลัทธิคอมมิวนิสต์เมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว

ทางการปากีสถานประกาศแผนการทำงานนี้เมื่อปีกลาย ในห้วงที่ความสัมพันธ์ปากีสถานอาฟกานิสถานตกต่ำ โดยเป็นการตอบโต้คำครหาจากอาฟกานิสถานและนานาชาติที่ว่า ปากีสถานมีนักรบทาเลบันมาฝังตัวอยู่ในประเทศ และแอบข้ามชายแดนเข้าไปก่อการร้ายในฝั่งอาฟกานิสถาน ตอนนี้ทางการปากีสถานอ้างว่าถ้าเป็นอย่างนั้น นักรบทาเลบันเหล่านี้ก็คงหลบซ่อนอยู่ในค่ายผู้อพยพชาวอาฟกานิสถานนี่แหละ จึงต้องแก้ปัญหาด้วยการปิดค่ายและส่งผู้ลี้ภัยกลับบ้านเกิดให้หมดโดยเร็ว

อย่างไรก็ดี แผนงานของปากีสถานนี้ สร้างความกังวลให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอชซีอาร์ประจำปากีสถาน โดยได้เตือนทางการปากีสถานว่าการผลักดันให้ผู้อพยพชาวอาฟกานิสถานจำนวนมหาศาลกลับบ้านเกิดภายในระยะเวลาสองปีนี้ รังแต่จะเป็นการสร้างปัญหามากกว่าเป็นการแก้ปัญหา

คุณคิลเลี่ยน ไคลชูมิด รองหัวหน้าสำนักงานยูเอ็นเอชซีอาร์ที่กรุงอิสลามบัด บอกว่าการผลักดันให้คนเหล่านี้กลับไปโดยไม่มีอะไรรองรับอาจจะทำให้พวกเขาตกไปเป็นเครื่องมือของกลุ่มนักรบติดอาวุธต่อ้านรัฐบาลได้ ซึ่งจะส่งผลทางลบต่อความมั่นคงของทั้งภูมิภาค และยังจะกลายเป็นอุปสรรคต่อการพยายามพัฒนาอาฟกานิสถานในขณะนี้ ซึ่งเป็นงานที่ยากอยู่แล้ว

คุณไคลชูมิดบอกว่า นโยบายนี้ทำสำเร็จได้ยาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทางการปากีสถานต้องปรับเปลี่ยนแผนนี้เสียใหม่ โดยน่าจะตั้งเป้าส่งผู้ลี้ภัยกลับแบบปีต่อปีจะดีกว่า โดยนำสถานการณ์ในอาฟกานิสถานมาประมวลประกอบก่อนตัดสินใจ เขาบอกด้วยว่าต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ของปากีสถานซึ่งเป็นรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งฟื้นฟูความ สัมพันธ์กับอาฟกานิสถานที่ตกต่ำในช่วงรัฐบาลที่แล้ว เพื่อจะได้ทำงานร่วมกันในเรื่องนี้

ราว 64 เปอร์เซ็นของจำนวนผู้ลี้ภัยชาวอาฟกานิสถานทั้งหมดเกิดในปากีสถานและกลายเป็นส่วนหนึ่งของตลาดแรงงานของปากีสถาน ส่วนมากไม่ได้อาศัยในค่ายผู้อพยพแต่มาอยู่ในชุมชนทั่วไป ในหมู่บ้านและในเมืองเพราะพวกเขาต้องทำงานหาเลี้ยงตนและครอบครัวเนื่องจากความช่วยเหลือด้านการเงินถูกระงับไปตั้งแต่ 12 ปีที่แล้ว

หลังจากกลุ่มทาเลบันถูกกองทัพสหรัฐขับไล่ออกจากอำนาจเมื่อหกปีที่แล้ว มีผู้ลี้ภัยชาวอาฟกานิสถานราวห้าล้านคนเดินทางกลับบ้านเกิดจากอิหร่าน จากปากีสถานและจากที่อื่นๆ อีก คุณไคลชูมิดบอกว่า โครงการส่งผู้ลี้ภัยกลับบ้านเป็นโครงการแบบสมัครใจ แต่ผู้ลี้ภัยส่วนใหญไม่ต้องการกลับอาฟกานิสถานเพราะที่นั่นยังขาดความมั่นคง และขาดแคลนทุกอย่างรวมทั้งที่ดินที่อาศัย
คุณไคลชูมิด บอกว่าเมื่อดูจากสภาพประเทศแล้ว อาฟกานิสถานจะสามารถรับกลับผู้ลี้ภัยของตนกลับไปดูแลได้แค่หนึ่งล้านคนในเวลาห้าปี หรือเฉลี่ยได้ปีละ 2 แสนคนเท่านั้นเขาเกรงว่าถ้าผู้อพยพจำนวนถึง 2.4 ล้านคนจะถูกผลักออกจากปากีสถานภายในแค่ 2 ปีให้กลับไปอาฟกานิสถานโดยไม่มีอะไรรองรับ คนเหล่านี้ก็จะพยายามหนีเข้ามาในปากีสถานอีกในรูปของคนต่างด้าวผิดกฏหมาย ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาใหม่แก่ปากีสถาน

ด้านคุณอิมราน เซ็ป ค่าน หัวหน้าสำนักงานดูแลผู้ลี้ภัยชาวอาฟกานิสถานแห่งปากีสถาน เห็นว่าแผนการส่งผู้ลี้ภัยทั้งหมดให้เสร็จสิ้นโดยเร็วเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว และไม่ว่าอย่างไรก็ตามปากีสถานจะพยายามทำงานนี้ให้บรรลุตามเป้าที่ตั้งไว้ ถึงแม้ว่าในปีที่ผ่านมาปากีสถานส่งผู้ลี้ภัยกลับไปได้แค่ 4 แสนคน หรือครึ่งหนึ่งของตัวเลขที่ตั้งไว้เท่านั้นก็ตาม

เขาบอกว่า การที่ปากีสถานต้องรับภาระดูแลผู้ลี้ภัยจากประเทศเพื่อนบ้านมานานหลายทศวรรษเป็นภาระหนัก และปากีสถานไม่ควรจะต้องมารับภาระนี้เพียงผู้เดียว เขาบอกว่าปากีสถานยอมรับไม่ได้ที่จะต้องดูแลคนเหล่านี้ไปเรื่อยๆ ตราบใดที่อาฟกานิสถานยังไม่พร้อม

เจ้าหน้าที่ปากีสถานคนนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลอาฟกานิสถานพยายามมากกว่านี้เพื่อเตรียมประเทศให้พร้อมในการรับคนของตัวกลับ ควรเร่งจัดหาที่ดินที่อยู่อาศัยให้ผู้ลี้ภัยกลับไปและเขาบอกว่านานาชาติควรสนับสนุนเงินในโครงการพัฒนาต่างๆ ให้แก่ผู้ลี้ภัยที่กลับไปอยู่ในอาฟกานิสถานให้มากขึ้นเพื่อว่าคนอาฟกานิสถานจะได้พัฒนาและเพิ่งตนเองได้ อย่างไรก็ดี ทางการปากีสถานยังจะปรึกษาหารือกับทั้งรัฐบาลอาฟกานิสถานและยูเอ็นเอชซีอาร์อยู่ตลอดเวลาเพื่อดูปัญหาและอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ในขณะนี้ทางการยังขอยืนยันกำหนดเส้นตายเดิม


XS
SM
MD
LG