อดีตนายกรัฐมนตรี Benazir Bhutto มาจากครอบครัวนักการเมืองชื่อเสียงโด่งดัง ฐานะร่ำรวยของปากีสถาน บิดาของเธอ คือ อดีตนายกรัฐมนตรี Zulfikar Ali Bhutto ซึ่งถูกพลเอก Zia al-Haq โค่นล้มอำนาจด้วยการทำรัฐประหารเมื่อปีค.ศ. 1977 และถูกรัฐบาลทหารชุดนั้นประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ
นาง Benazir Bhutto เกิดที่จังหวัดซินด์ เมื่อปี 1953 เธอจบการศึกษาจากวิทยาลัย Radcliffe ของมหาวิทยาลัย Harvard ในสหรัฐ และมหาวิทยาลัย Oxford ในอังกฤษ
หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาโทในสหรัฐ นาง Benazir Bhutto เดินทางกลับปากีสถาน และเข้าร่วมงานในฐานะผู้นำของพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่บิดาของเธอก่อตั้งไว้ เมื่อตอนที่บิดาของเธอถูกคุมขัง รอการประหารชีวิตนั้น ตัวเธอเองก็ถูกคุมขังไว้ด้วย
เมื่อได้รับการปล่อยตัวในปี 1984 หลังจากที่ถูกขังเดี่ยวเป็นเวลาห้าปี อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของปากีสถานเนรเทศตนเองไปอยู่ในต่างประเทศ
แต่สองปีต่อมา เธอเดินทางกลับบ้านเพื่อช่วยขับผู้ที่สืบอำนาจการปกครองต่อจากบิดาของเธอออกจากตำแหน่ง เธอเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตนเอง โดยสวมผ้าคลุมศีรษะ เข้าพิธีแต่งงานกับนักธุรกิจ Asif Zardari และอ้างอิงพระคัมภีร์กูระอ่านในการทำงาน
นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้นาง Benazir Bhutto ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีถึงสองครั้งด้วยกัน ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1980 และกลางคริสต์ทศวรรษ 1990 นับว่าเป็นหนึ่งในจำนวนผู้นำหญิงไม่กี่คนที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตยในประเทศอิสลาม
อดีตนายกรัฐมนตรี Benazir Bhutto กล่าวว่า เธอถูกขู่จะเอาชีวิตมาตั้งแต่เริ่มต้นทำงานการเมืองแล้ว โดยชาวมุสลิมอนุรักษ์นิยมที่เห็นว่า เธอแย่งงานของผู้ชาย
นาง Benazir Bhutto ถูกผลักดันให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทั้งสองครั้ง ท่ามกลางคำกล่าวหาคอร์รับชั่นที่ว่า สามีของเธอเป็นนักธุรกิจที่อาศัยตำแหน่งของภริยา หาประโยชน์ใส่ตนเป็นมูลค่านับล้านๆดอลล่าร์ แม้นาย Asif Zardari จะถูกดำเนินคดีและศาลตัดสินว่าไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหาก็ตาม เขาถูกคุมขังเป็นเวลาหลายปี
ตัวนาง Benazir Bhutto เองนั้น ใช้เวลาในระหว่างการเนรเทศตนเองออกนอกประเทศใน Dubai และกรุงลอนดอน
สักสองเดือนกว่าๆก่อนที่เธอจะถูกลอบสังหาร นาง Benazir Bhuttoเดินทางกลับบ้านเมื่อประธานาธิบดี Pervez Musharraf อนุมัตินิรโทษกรรมให้เธอจากข้อกล่าวหาทั้งหมด
อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถานผู้นี้เดือดเนื้อร้อนใจกับภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาของผู้คนทั่วโลก ที่ว่าพวกผู้ก่อการร้าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่วางระเบิดรถใต้ดิน หรือวางแผนอยู่ในเยอรมนี หรือทำอะไรอยู่ในประเทศใดก็ตาม จะตามรอยคนเหล่านี้กลับปากีสถานได้ทุกราย ซึ่งเธอกล่าวว่าไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่แท้จริงของปากีสถาน
