ที่ปากีสถานสื่อมวลชนท้องถิ่นออกมาโวยวายว่ารัฐบาลออกกฏเหล็กข้อใหม่มาควบคุมการทำงาน ของพวกเขาหนักขึ้นกว่าเดิม ทั้งๆที่รัฐบาลกำลังจะยกเลิกภาวะฉุกเฉินในวันเสาร์ที่ 15 ธันวาคมก็ตาม
บรรดาสื่อมวลชนท้องถิ่น บอกว่ามาตรการใหม่ออกมาเพื่อควบคุมการสถานีโทรทัศน์ ที่ออกอากาศ ผ่านดาวเทียมและเป็นมาตรการที่จะใช้ในการสยบเสียงของสื่อมวลชนในช่วงการเลือกตั้งในต้นปีหน้า
การควบคุมการรายงานข่าวสารในปากีสถานโดยรัฐบาลยังดำเนินต่อไป และดูเหมือนจะทวีความเข็ม งวดขึ้น ทั้งๆ ที่ประธานาธิบดีเปเวซ มูชาราฟกำหนดว่าจะยกเลิกการใช้ภาวะฉุกเฉินในวันที่ 15 ธันวาคมก็ตาม
เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานเพื่อการดูแลสื่อโทรทัศน์ได้ออกกฏใหม่ สั่งห้ามไม่ให้สถาณีโทร ทัศน์ช่องต่างๆ ที่ส่งสัญญานผ่านจานดาวเทียมออก อากาศรายการสด รายการทอค์กโชว์ และเผย แพร่ข้อมูลที่มีเนื้อหาวิจารณ์ ประธานาธิบดีเปเวซ มูชาราฟ หน่วยงานรัฐบาลและทหาร
คำสั่งห้ามนี้ยังคลุมไปถึงรายการที่ให้ประชาชนโทรศัพท์เข้ามา โดยห้ามออกอากาศคิดเห็นประชาชน ในแง่ลบต่อการเมือง หรือความเห็นที่ แสดงความลำเอียงเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งด้วย
ในกรณีที่ละเมิด จะมีบทลงโทษด้วยการจำคุกสูงสุด 3 ปีและถูกปรับสูงสุดเป็น เงินถึงหนึ่งแสนหก หมื่นสี่พันเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5 ล้านกว่าบาท คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ทันที
รัฐบาลอ้างว่านี่เป็นมาตราการเพื่อป้องกันไม่ให้มีคนที่ประสงค์ร้ายต่อประเทศ ชาติบ่อนทำลายความ มั่นคงโดยใช้สื่อมวลชนเป็นเครื่องมือ และถือเป็นความ รับผิดชอบของทุกฝ่าย รวมทั้งสื่อมวลชนด้วย ที่จะช่วยกันสร้างความสงบ แก่บ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวสาวชาวปากีสถานท่านนี้ คุยกับวีโอเอภาคภาษาไทยแบบไม่ประสงค์จะออกนามว่า นี่คือสง ครามแห่งการพิทักษ์ผลประโยชน์ เพราะว่าผลประโยชน์ ของผู้นำรัฐบาลตกอยู่ในภาวะเสี่ยง รัฐบาล จึงออกมาตราการควบคุมสื่อมวลชน เธอบอกว่าในฐานะที่เป็นสื่อมวลชน เธอไม่คาดหวังว่าจะได้เห็น การเลือกตั้งที่เสรีและบริสุทธิ์ยุติธรรม เพราะปากีสถานขาดทั้งระบบศาลยุติธรรมที่เป็นเอกเทศและ สื่อมวลชนไม่มีเสรีภาพในการตรวจเช็คการเลือกตั้ง
บรรดาสือมวลชน ตั้งข้อสังเกตุว่า ดูเหมือนว่าหลังการยกเลิกภาวะฉุกเฉิน รัฐบาลยังจะควบคุมสื่อมวล ชนต่อไป และระเบียบที่ออกมาใหม่ล่าสุดนี้มุ่งที่ จะควบคุมการออกอากาศเนื้อหาของการอภิปรายหา เสียงของนักการเมืองฝ่ายค้านสองคน คือ นายนาวาส ชารีฟ และนางเบนนาเซีย บุตโตที่ต่างวิจารณ์ ประธานาธิบดี มูชาราฟระหว่างที่กำลังตระเวณไปหาเสียงในต่างจังหวัดกัน ซึ่งเป็นการหาเสียงครั้งแรก ในรอบ 7-8 ปีของอดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน ทั้งสองคนที่เพิ่งคืนประเทศหลังจากหลบไปอยู่ต่าง ประเทศและทั้งคู่ได้โดยพยายามชักจูงให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งให้เทคะแนนให้พรรคของตน
ตั้งแต่การประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนทีผ่านมา รัฐบาลได้ควบคุมการเผยแพร่ ข่าวสารทุกแขนงโดยเฉพาะรายการข่าวโทรทัศน์ ที่ออกอากาศผ่านระบบเคเบิลทีวี ที่ถูกตัดสัญญาณ ไปพักหนึ่ง จนทำให้ประชาชนส่วนใหญ่แห่ไปซื้อจานดาวเทียมมาใช้แทน
รัฐบาลบังคับให้สถานีโทรทัศน์เอกชนเหล่านี้เซ็นยอมรับกฏระเบียบควบคุมก่อนที่จะออกอากาศกันอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวปากีสถานอีกท่านหนึ่งบอกกับวีโอเอภาคภาษาไทยแบบไม่ประสงค์จะ ออกนามว่าบรรดา สมาคมผู้สื่อข่าวต่างก็เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกกฏควบคุม สื่อมวลชนนี้เพราะว่ายอมรับไม่ได้ และนั่น เป็นเหตุผลให้ผู้สื่อข่าวออกมา ประท้วงพวกผู้สื่อข่าวจะเดินหน้าต่อต้านเรื่องนี้ต่อไป และจะขยายการ ประท้วง ไปทั่วประเทศ เพราะว่านี่เป็นการต่อสู้กับอำนาจรัฐที่คงจะไม่จบลงง่ายๆ
