ผู้เชี่ยวชาญ 70 กว่าคนจาก 72 ประเทศที่กำลังประชุมกันอยู่ที่กรุงเทพมหานครตามคำเชิญขององค์การอาหารและการเกษตรนั้นกล่าวว่า พวกตนกำลังพิจารณาข้อมูลที่อาจเชื่อถือไม่ได้ เพราะไม่มีระบบที่สอดคล้องต้องกันในการตรวจสอบการติดเชื้อสายพันธุ์ H5N1 ในหมู่นกป่า
ผู้ประสานงานด้านสัตว์ป่าระหว่างประเทศขององค์การอาหารและเกษตร สก็อต นิวแมนด์กล่าวว่า จุดมุ่งหมายคือการตรวจพิสูจน์ให้ทราบว่า ประเทศไหนต้องการความสนับสนุนและการฝึกอบรมแบบไหน เพื่อปรับปรุงการติดตามสอดส่องนกป่าของตนให้ดีขึ้น และว่าได้ยินว่านกป่านั้นจะไม่มีเชื้อไวรัส H5N1 ถ้านกเหล่านั้นแข็งแรงและบินไปได้อย่างเสรี และได้ยินด้วยว่า มีการพบว่านกป่าที่ตายแล้วในหลายประเทศนั้นมีเชื้อไวรัส H5N1
เขากล่าวว่าเมื่อมองในแง่ของการติดตามสอดส่อง บางประเทศติดตามสอดส่องนกป่าที่แข็งแรง ส่วนประเทศอื่นๆ แค่เก็บนกป่าที่ตาย แล้วนำมาตรวจหาเชื้อไวรัสดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับไข้หวัดนกกล่าวว่า อาจไม่มีการติดเชื้อไข้หวัดนกอย่างเป็นกอบเป็นกำในหมู่นกป่าที่อพยพร่อนเร่ หรืออาจเป็นไปได้ว่า ตรวจหาเชื้อไวรัส H5N1 ไม่พบ พวกผู้เชี่ยวชาญกล่าวด้วยว่า หนทางเดียวที่จะหาข้อเท็จจริงให้พบก็คือ กำหนดระบบการติดตามสอดส่องที่กว้างขวางและเหมือนๆ กัน
เมื่อปีที่แล้วเจ้าหน้าที่ขององค์การอาหารและเกษตร แสดงความวิตกกังวลว่า การอพยพร่อนเร่ของนก อาจช่วยแพร่ไข้หวัดนกจากเอเชีย และยุโรปไปสู่อัฟริกา แต่ทว่าทางอัฟริกานั้นก็เหมือนๆ กับภาคอื่นๆ ในโลก คือพบว่านกป่าที่ติดเชื้อไวรัส H5N1 ในอัฟริกา ผู้อำนวยการของโครงการสัตวบาลภาคสนามของสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าวิลเลี่ยม พาเรช ผู้มาร่วมประชุมอยู่ที่กรุงเทพมหานครกล่าวว่า ทางสมาคมตรวจสอบนกในไนจีเรียทางอัฟริกานับพันๆ ตัว และไม่พบนกป่าที่ติเชื้อไข้หวัดนกเลยซักตัวเดียว
คุณวิลเลี่ยม พาเรชกล่าวด้วยว่า การลักลอบค้าสัตว์ป่าโดยผิดกฏหมายในอัฟริกา และส่วนอื่นๆ ของโลก ทำให้การติดตามร่องรอยของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก เป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถมากเป็นพิเศษ ตั้งแต่ไข้หวัดนกเริ่มระบาดในปี 2546 เป็นต้นมา ไก่ เป็ด และห่านนับล้านๆ ตัวรอบโลกติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก และโดนฆ่าไปหลายล้านตัว เพื่อป้งกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก
องค์การอนามัยโลกกล่าวว่าคนติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกราว 320 กว่ารายใน 12 ประเทศและเสียชีวิตไปราว 200 ราย อินโดนีเซียและเวียตนามมีคนเสียชีวิตด้วยไข้หวัดนกมากที่สุด
