สิทธิเสรีภาพของพลเมืองอเมริกัน ในระหว่างการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย

เป็นที่ทราบกันดีว่ากลุ่มนักอนุรักษ์นิยม มักจะสนับสนุนรัฐบาลชุดประธานาธิบดีบุช แต่ตอนนี้บรรดาผู้นำกลุ่มอนุรักษ์นิยมบางกลุ่มเชื่อว่า ประธานาธิบดีบุชใช้อำนาจเกินขอบเขตในการต่อต้านการก่อการร้าย

เป็นที่ทราบกันดีว่ากลุ่มนักอนุรักษ์นิยม มักจะสนับสนุนรัฐบาลชุดประธานาธิบดีบุช แต่ตอนนี้บรรดาผู้นำกลุ่มอนุรักษ์นิยมบางกลุ่มเชื่อว่า ประธานาธิบดีบุชใช้อำนาจเกินขอบเขตในการต่อต้านการก่อการร้าย หลังจากการโจมตีก่อการร้ายในสหรัฐเมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2544 บุคคลสำคัญของกลุ่มอนุรักษ์นิยมเหล่านี้กล่าวว่า ถึงเวลาที่จะต้องฟื้นฟูความสมดุลของอำนาจ ระหว่างประธานาธิบดี รัฐสภา และศาล และกำลังเสนอให้มีการดำเนินงานเพื่อค้ำประกันการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของพลเมือง รวมทั้งการควบคุมอำนาจของรัฐบาลในการตรวจสอบการติดต่อทางโทรศัพท์และจดหมายของพลเมืองอเมริกัน ในการสอบสวนการก่อการร้าย ประธานาธิบดีบุชแถลงปกป้องกรรมวิธีดังกล่าวว่า เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินงานต่อต้านการก่อการร้ายภายในสหรัฐ

ประธานาธิบดีบุชกล่าวว่า ต้องการที่จะให้ประชาชนอเมริกันตระหนักว่า ประธานาธิบดีมีอำนาจหน้าที่ที่จะทำเช่นนั้นประการหนึ่ง ประการที่สองเป็นส่วนสำคัญจำเป็นในภาระหน้าที่ของประธานาธิบดี ที่จะต้องปกป้องคุ้มครองประชาชน และประการที่สาม รัฐบาลกำลังปกป้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของพลเมือง ความเห็นขัดแย้งล่าสุดที่ก่อให้เกิดความตกใจกันขึ้นมา ในบรรดาผู้สนับสนุนสิทธิเสรีภาพของพลเมืองในทั้งสองฝ่ายทางการเมืองคือ การที่เอฟบีไอ หรือสำนักงานสอบสวนของรัฐบาลกลางสหรัฐ ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุในสิ่งที่เรียกกันว่า จดหมายความมั่นคงแห่งชาติ หน่วยงานรักษากฏหมายใช้จดหมายดังกล่าวในการรวบรวมข้อมูลส่วนตัว รวมทั้งบันทึกทางโทรศัพท์ อีเมล และข้อมูลทางการเงิน โดยที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากผู้พิพากษาเสียก่อน การใช้จดหมายขอความร่วมมือด้านความมั่นคงแห่งชาติ อย่างเกินขอบเขตดังกล่าว เปิดเผยขึ้นมาเมื่อสำนักงานสอบสวนกลางของกระทรวงยุติธรรมพบว่ามีการละเมิดกฏหมายและกฏเกณฑ์ของรัฐบาลมากมายหลายครั้ง

ไมค์ เจอแมน อดีตเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ซึ่งตอนนี้ทำงานกับกลุ่มสหบาลสิทธิเสรีภาพพลเมืองอเมริกันกล่าวว่า สิ่งที่สำนักงานตรวจสอบกลางของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐตรวจพบ และทำรายงานไว้นั้น เป็นการทำผิดโดยเจตนา และเป็นเรื่องเกินเลยการจัดการผิดพลาดธรรมดา รายงานนั้นยังความขุ่นเคืองให้แก่สมาชิกรัฐสภา ทั้งจากพรรคริพลับบลิกัน และพรรคเดโมแครต

บรรดาผู้รณรงค์เรื่องสิทธิเสรีภาพของพลเมือง ประนามการที่เอฟบีอละเมิดกฏเกณฑ์ดังกล่าว และเรียกร้องให้มีการตั้งระเบียบข้อบังคับใหม่สำหรับคุ้มครองป้องกันสิทธิเสรีภาพของพลเมือง ฝ่ายพรรริพลับบลิกันยอมรับว่าเอฟบีไอ จำเป็นจะต้องมีความตระหนักมากยิ่งขึ้นในเรื่องการปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพพลเมือง ในการสอบสวนกรณีก่อการร้ายภายในประเทศ แต่บางคนเห็นว่าการใช้จดหมายขอความร่วมมือด้านความมั่นคงแห่งชาติ ยังเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับสอบสวนสำหรับฝ่ายรักษากฏหมาย

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ลามาร์ สมิธ แห่งพรรคริพลับบลิกันจากรัฐเท็กซัสกล่าวว่า จดหมายดังกล่าวทำให้เอฟบีไอและองค์การหน่วยงานด้านข่าวกรอง สามารถระบุตัวผู้ก่อการร้าย หรือสายลับ แหล่งการเงิน และแผนการที่จะโจมตี หรือก่ออันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐได้

ผู้อำนวยการเอฟบีไอ โรเบิร์ต เมอเล่อร์ ก็แถลงปกป้องแก้ต่างการใช้จดหมายความมั่นคงแห่งชาติ และจะรับรู้ว่าเอฟบีไอจะต้องดำเนินงานอย่างรวดเร็ว เพื่อแก้ไขการใช้อำนาจเกินขอบเขต ดังที่ระบุไว้ในรายงานของสำนักงานตรวจสอบกลางก็ตาม

โรเบิร์ต เมอเล่อร์ ผู้อำนวยการเอฟบีไอกล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญเท่าๆ กันที่จะต้องใช้อำนาจหน้าที่นั้น และทำโดยสอดคล้องกับการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล และสิทธิเสรีภาพของพลเมืองที่เจ้าหน้าที่เอฟบีไอปฏิญาณว่าจะธำรงรักษาไว้ แต่นักรณรงค์เพื่อสิทธิเสรีภาพของพลเมืองของทั้งฝ่ายขวา และฝ่ายซ้ายกล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลลงมือปฏิบัติ ไม่ใช่เพียงแค่ให้คำมั่นสัญญา และขอให้ประธานาธิบดีบุช ดำเนินงานให้ดีขึ้นในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของพลเมือง ขณะที่สหรัฐทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย