สหภาพยุโรปเห็นชอบในการสนับสนุนด้านการทหารแก่ยูเครน และเตรียมศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจชุดใหม่ มุ่งเป้าไปยังบุคคลและภาคอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจรัสเซีย
นายโจเซฟ บอร์เรลล์ (Josep Borrell) หัวหน้าส่วนงานนโยบายด้านการต่างประเทศของสหภาพยุโรป กล่าวถึงรายละเอียดมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจรอบใหม่กับรัสเซีย ที่สหภาพยุโรปเตรียมผลักดัน ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น
บอร์เรลล์ ย้ำในวันพุธว่าเป็นเรื่องสำคัญที่อียูจะต้อง “ส่งข้อความอันทรงพลัง” ในวันเดียวกับที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้สั่งระดมพลกำลังสำรองถึง 300,000 นายเพื่อต่อสู้กับยูเครน โดยบอร์เรลล์กล่าวว่า ปธน.ปูติน “พยายามที่จะทำลายยูเครน”
ด้านโฆษกรัฐบาลเครมลิน ดมิทรี เพสคอฟ กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า การระดมพลครั้งนี้เป็นสิ่งจำเป็น เพราะรัสเซีย “กำลังเผชิญหน้าทางพฤตินัยกับนาโต้” จากที่ชาติตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ เดินหน้าส่งอาวุธมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับยูเครน เพื่อช่วยต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซีย
การหารือระดับรัฐมนตรีต่างประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปเมื่อกลางสัปดาห์นี้ มีขึ้นหลังจากรัสเซียและยูเครน ตกลงที่จะแลกเปลี่ยนตัวนักโทษครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่สงครามยูเครนปะทุขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยชาวยูเครน 215 คนหลุดพ้นจากการคุมขังของรัสเซีย และชาวรัสเซีย 55 คนถูกส่งกลับประเทศ ขณะที่ชาวต่างชาติ 10 คนได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ ซึ่งรวมถึงอดีตนายทหารอเมริกัน 2 นายที่มาช่วยยูเครนสู้รบและถูกทหารรัสเซียจับกุมตัวในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ระหว่างรัสเซียและยูเครนยังดำเนินต่อไปแม้จะมีข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้น โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คนในวันพฤหัสบดี ในซาปอริห์เชียและดอแนสตก์
ที่ต้องจับตาต่อในวันศุกร์ คือ การทำประชามติเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ใน 4 เขตปกครอง ได้แก่ ลูฮันสก์ เคอร์ซอน ซาปอริห์เชีย และเขตปกครองดอแนสตก์ ทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน ซึ่งการลงประชามติในครั้งนี้มีแนวโน้มสูงที่ผลจะออกมาตามที่รัสเซียต้องการ และอาจเปิดทางให้รัฐบาลมอสโกยกระดับสงครามเพื่อผนวกรวมยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียได้ แม้ว่ายูเครนและพันธมิตรชาติตะวันตกจะไม่ให้การยอมรับและกล่าวหาว่าเป็นการทำประชามติปลอมก็ตาม
ส่วนบรรยากาศในรัสเซีย ประชาชนออกมาเดินขบวนตามท้องถนน เพื่อประท้วงการสั่งระดมพลสำรองที่ผู้นำรัสเซียประกาศเมื่อวันพุธ ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงไปถึง 1,300 คนในการชุมนุมในวันเดียวกันนี้
- มีเนื้อหาบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์
