ลิ้งค์เชื่อมต่อ

โรงเรียนบางแห่งในสหรัฐฯ เปลี่ยนใจ ขอตำรวจกลับมาดูแลความปลอดภัย


US School Shooting Michigan
US School Shooting Michigan

นักเรียนหลายล้านคนในสหรัฐฯ ไปเรียนหนังสือโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เรียกกันว่า School Resource Officer หรือ SRO คอยสอดส่องดูแลความปลอดภัยให้กับโรงเรียนและนักเรียนทุกคน

การที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในโรงเรียนนั้นเริ่มขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1940 แต่เหตุกราดยิงในโรงเรียนหลาย ๆ แห่ง ซึ่งรวมถึง ที่โรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ในปี 1999 และที่โรงเรียนประถมศึกษาแซนดี้ ฮุก ในปี 2012 ทำให้มีการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจในโรงเรียนมากขึ้น

องค์กร Center for Public Integrity เผยว่า ในระหว่างปี 2006 ถึง 2018 จำนวนโรงเรียนที่มี เจ้าหน้าที่ SRO อย่างน้อยหนึ่งนายเพิ่มขึ้นจาก 42% เป็น 61% แต่เมื่อมีเจ้าหน้าที่เพิ่มมากขึ้น นักเรียนก็มีแนวโน้มที่จะกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเหล่านี้มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้นักเรียนถูกจับกุมและอาจถูกตั้งข้อหาทางอาญาอีกด้วย

ทั้งนี้ รัฐบาลกลางมีการจัดสรรงบประมาณสำหรับโรงเรียนที่ต้องการจ้างตำรวจให้มาดูแลความปลอดภัยที่โรงเรียนของตน แต่เมืองและรัฐต่าง ๆ ต้องคิดทบทวนในเรื่องนี้ หลังจากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจในมินนิอาโปลิส รัฐมินนิโซตา ก่อเหตุสังหารนายจอร์จ ฟลอยด์ ในปี 2020

โดยเขตการศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศได้ตัดงบประมาณหรือยกเลิกโปรแกรม SRO โดยสิ้นเชิง เช่น ที่ลอสแองเจลิส ซึ่งเป็นเขตการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศและได้ลดงบประมาณสำหรับโครงการ SRO ลงหนึ่งในสามของงบประมาณทั้งหมด ขณะที่ ทางด้านชิคาโก ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสาม ได้ลดงบประมาณลงกว่าครึ่ง นอกจากนี้ เขตการศึกษาอื่นๆ ได้ยุติข้อตกลงทั้งหมดที่มีร่วมกับกรมตำรวจอีกด้วย

Virus Outbreak School Funding Detroit
Virus Outbreak School Funding Detroit

แต่ในตอนนี้ เขตการศึกษาบางแห่งที่ได้ยกเลิกโปรแกรม SRO ไปแล้ว กำลังพิจารณาที่จะนำโปรแกรมนี้กลับมาใช้ในโรงเรียนอีกครั้ง เช่น ที่ มอนต์โกเมอรี่ เคาน์ตี้ รัฐแมริแลนด์ ซึ่งได้ตัดงบประมาณส่วนใหญ่สำหรับ SRO ไปเมื่อปี 2020 แต่ในปีนี้ เจ้าหน้าที่เขตกล่าวว่า การก่อเหตุที่ร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะวิวาทและการขโมยของในโรงเรียนที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และเหตุกราดยิงที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้เขตปกครองแห่งนี้ลงมติให้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับมาคอยดูแลสอดส่องในโรงเรียนอีกครั้งในเดือนเมษายน โดยเจ้าหน้าที่เหล่านี้จะต้องผ่านการฝึกอบรมมากขึ้นจากเดิมก่อนที่จะมีการตัดงบประมาณสำหรับ SRO

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการ SRO โต้แย้งว่า การบังคับใช้กฎหมายไม่ใช่คำตอบของเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยในโรงเรียนที่เชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพจิต และว่า โรงเรียนควรให้งบสนับสนุนทรัพยากรด้านสุขภาพจิตสำหรับนักเรียนแทน เช่น การจ้างนักสังคมสงเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตให้มากขึ้น

การสำรวจโดยศูนย์ Center for Public Integrity พบว่า นักเรียนผิวดำมีแนวโน้มที่จะถูกส่งตัวไปที่ตำรวจมากกว่านักเรียนผิวขาวถึงสองเท่า นอกจากนี้ นักเรียนที่มีความทุพพลภาพก็มีแนวโน้มที่จะถูกเรียกตัวพบเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่านักเรียนกลุ่มอื่น ๆ ถึงสองเท่าอีกด้วย

อย่างไรก็ดี นักเรียนที่ถูกหมายเรียกหรือหมายศาลนั้นอาจไม่ได้ถูกจับกุมด้วยข้อหาทางอาญาเสมอไป แต่อาจจะต้องไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้พิพากษาหรือเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอื่น ๆ เท่านั้น

การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า การมีเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนทำให้เด็กมีโอกาสที่จะกระทบกระทั่งกับตำรวจ โดยผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยฟลอริดาพบว่า ปัญหาด้านพฤติกรรมต่าง ๆ ของนักเรียนที่ทางโรงเรียนเคยเป็นผู้ดูแลนั้นมักจะได้รับความสนใจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นอกจากนี้แล้ว การศึกษายังชี้ว่า นักเรียนผิวดำในมอนต์โกเมอรี่ เคาน์ตี้ คิดเป็นอัตราส่วนครึ่งหนึ่งของการจับกุมในโรงเรียนทั้งหมดในปี 2020 แต่นักเรียนกลุ่มนี้มีอยู่เพียงหนึ่งในห้าของจำนวนนักเรียนทั้งหมดเท่านั้น

ทั้งนี้ เขตการศึกษาบางเขตพบว่า การยกเลิกให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในโรงเรียนอาจทำให้มีปัญหาในเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น

ที่เมืองอเล็กซานเดรีย รัฐเวอร์จิเนีย ตัดสินใจยกเลิกโปรแกรม SRO ตามโรงเรียนต่าง ๆ เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2021 และยังมีการลงมติให้เปลี่ยนเส้นทางงบประมาณสำหรับ SRO ไปที่การบริการด้านสุขภาพจิต แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนและปืนหลายครั้ง ในปีนี้ สภาเทศบาลเมืองได้ลงมติให้งบสนับสนุนโครงการ SRO จนถึงปี 2023

  • ที่มา: วีโอเอ, วอชิงตันโพสต์, Center for Public Integrity
XS
SM
MD
LG