บรรยากาศด้านความมั่นคงเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนเมื่อรัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ไม่ใช่เเต่่เฉพาะในกลุ่มประเทศมหาอำนาจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศอื่นๆที่อยู่ใกล้รัสเซียด้วย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ฟินเเลนด์และสวีเดน สองประเทศในภูมิภาคสเเกนดิเนเวีย ซึ่งอยู่ระหว่างนอร์เวย์และรัสเซีย โดยนอร์เวย์เป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาเเอตเเลนติกเหนือหรือนาโต้ ขณะที่รัสเซียไม่ต้องการให้นาโต้ขยายอิทธิพลมากไปกว่านี้
แม้ไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต้ แต่เนื่องจากฟินเเลนด์และสวีเดน มีสถานะเป็น “หุ้นส่วน” ของกลุ่มความร่วมมือทางกลาโหมนี้ จึงซ้อมรบร่วมกันตามกำหนดเดิมในนอร์เวย์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
รอยเตอร์รายงานว่า การซ้อมรบเมื่อเดือนมีนาคมภายใต้ชื่อ “Cold Response” ที่นอร์เวย์ ซึ่งเป็นแผนงานที่มีมานานเเล้ว มีความเข้มข้นขึ้นหลังเกิดการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย
พลตรี สเตฟาน นอร์ดสตรอม ของสวีเดนบอกกับรอยเตอร์ว่า คงเป็นการมมองโลกแบบ “ไร้เดียงสา” เกินไป ถ้ามองไม่เห็นว่ากำลังเกิดภัยคุกคามขึ้น เขากล่าวว่าสถานการณ์ความมั่นคงในยุโรปทั้งทวีปเปลี่ยนไป “และเราต้องปรับตัว”
ฟินเเลนด์และสวีเดน ซึ่งยังไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต้มีประชากรรวมกัน 16 ล้านคน การได้เป็นสมาชิกของกลุ่มความมั่นคงนี้จะหมายความว่า จะได้รับการช่วยปกป้องอธิปไตย โดยนาโต้จะการันตีว่าหากสมาชิกประเทศใดถูกโจมตี จะถือว่าทุกประเทศถูกโจมตีเช่นกัน
การได้รับการปกป้องดังกล่าวดูจะมีความสำคัญยิ่งขึ้นเมื่อรัสเซียบุกยูเครน โดยที่ฝ่ายรัฐบาลเครมลินเรียกว่าเป็น “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร”
ฟินเเลนด์มีเขตเเดนยาว 1,300 กิโลเมตรติดกับรัสเซีย และเคยถูกรัสเซียรุกรานในสงครามสองครั้งเมื่อช่วงปีค.ศ.1939 ถึง 1944 ประชากรฟินเเลนด์ 96,000 คนหรือร้อยละ 2.5 ของคนในประเทศทั้งหมดเสียชีวิตในการต่อสู้กับรัสเซีย ซึ่งรัสเซียได้ดินเเดนทางส่วนไปแต่ต้องล่าถอยการสู้ศึกของทหารฟินเเลนด์
ตั้งเเต่นั้นเป็นต้นมา ฟินเเลนด์สร้างศักยภาพในการป้องกันตนเองอย่างเเข็งขัน และพยายามรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรกับรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมาประธานาธิบดีฟินเเลนด์ซอลิ นีนิสโตถามไปยังเลขาธิการใหญ่นาโต้ พลเอกเยนส์ สโตลเตนเบิร์ก ว่ามีรายละเอียดอะไรบ้างในหลักการและขั้นตอนต่างๆในการรับสมาชิกใหม่
นอกจากนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศฟินเเลนด์เพกคา ฮาวิสโตบอกกับรอยเตอร์ว่า ฟินแแลนด์ได้หารือกับสมาชิกนาโต้ 30 ประเทศเกือบทุกรายแล้ว และจะเดินเรื่องผ่านสภาฟินเเลนด์กลางเดือนเมษายนนี้
และรอยเตอร์รายงานด้วยว่า การบุกยูเครนทำให้ชาวฟินเเลนด์เกือบ 3,000 คนตื่นตัวที่จะเข้าร่วมเป็นทหารกำลังสำรอง นั่นยังไม่รวมถึงผู้หญิงเกือบ 1,000 คนที่เข้าร่วมกลุ่มเตรียมความพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉิน
สำหรับสวีเดน ก่อนหน้านี้รัฐบาลสต็อกโฮล์มเชื่อว่าการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดคือแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับคนในประเทศ จนกระทั่งรัสเซียบุกเเคว้นไครเมียของยูเครนเมื่อ 8 ปีก่อน สวีเดนจึงเริ่มกลับมาสร้างความเเข็งเเกร่งให้กับกองทัพอีกครั้ง อย่างรวดเร็ว
และในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สวีเดนกล่าวว่าจะเพิ่มงบกลาโหมเป็นสองเท่า คิดเป็นร้อยละ 2 ของขนาดเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ผลโพลล์โดยองค์กรเดโมสค็อพที่ทำให้กับหนังสือพิมพ์ Aftonbladet ชี้ว่า ชาวสวีเดนประมาณ 71% กังวลต่อภัยคุกคามทางทหารที่เพิ่มขึ้นจากรัสเซีย เทียบกับ 41% เมื่อเดือนมกราคม
ขณะนี้ฝ่ายการเมืองของสวีเดนกำลังศึกษาและวิเคราะห์นโยบายกลาโหมเพื่อกำหนดทิศทางในอนาคต โดยนายกรัฐมนตรีเเมกดาเลนา แอนเดิร์สซัน กล่าวเมื่อวันที่ 30 มีนาคมว่าตอนนี้ควรจะรอดูผลการวิเคราะห์ที่น่าจะถูกเปิดเผยในเดือนพฤษภาคม
รอยเตอร์ติดต่อไปยังทางการรัสเซียเพื่อขอความเห็นในการทำรายงานชิ้นนนี้เเต่ไม่ได้รับการตอบกลับโดยทันที อย่างไรก็ตาม กระทรวงต่างประเทศรัสเซียระบุเมื่อวันที่ 12 มีนาคมว่าถ้าสวีเดนและฟินเเลนด์เข้าร่วมป็นสมาชิกนาโต้ ทั้งสองประเทศจะต้องเผชิญผลร้ายเเรงที่ตามมาทั้งทางการเมืองและทางทหาร
- ที่มา: รอยเตอร์