เมื่อพูดถึงนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาหลายคนคงต้องคิดถึงภาพของสะพานโครงเหล็กสีแดงสดใส ทอดยาวข้ามอ่าวตอนเหนือของเมือง ซึ่ง ณ จุดหนึ่ง กลายมาเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของสหรัฐฯ จนใครต่อใครต้องพากันไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก หากมีโอกาสได้มาเยือนนครแห่งสีสันนี้
และล่าสุด เกิดปรากฏการณ์บทเพลงใหม่จากสะพานโกลเดนเกต ซึ่งชาวเมืองที่ใช้เส้นทางผ่านหรือใช้ชีวิตอยู่ไม่ไกลจากสัญลักษณ์ของนครที่ตั้งตระหง่านมาเกือบศตวรรษแห่งนี้ ได้ยินมาตลอดกว่า 1 เดือนแล้ว และสร้างความประหลาดใจให้ทุกคนอย่างมาก ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และทำให้มีคนเริ่มพูดต่อๆ กันผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหลายที่มาทั้งภาพและเสียง
แอนนา แคลฟเตอร์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของวีโอเอ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ซูม ว่า เธอเป็นชาวซานฟรานซิสโกที่อาศัยอยู่ห่างจากสะพานเหล็กอันโด่งดังนี้ถึงราว 5 ไมล์ หรือประมาณ 8 กิโลเมตร แต่ยังได้ยินเสียงของสะพานได้อย่างชัดเจน
แคลฟเตอร์ บอกว่า เธอเริ่มได้ยินข่าวและดูวิดีโอคลิปที่มีคนแชร์ต่อๆ ก็มา แต่พอดูจบ เพิ่งสังเกตว่า เสียงนั้นยังดังอยู่ และสิ่งที่ได้ยินนั้น ถือว่าเสียงดังพอควร และดังเกือบทุกวัน ในช่วงบ่าย หรือไม่ก็ช่วงเย็น
เมื่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลสะพานโกลเดนเกต ผู้สื่อข่าวได้คุยกับ เปาโล โคซูลิช-ชวาทซ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเขตโกลเดนเกตบริดจ์ บอกว่า ทางหน่วยงานทำการเปลี่ยนราวจับทางเดินด้านตะวันตกของสะพานให้เป็นลักษณะระแนงแนวตั้ง เพื่อให้ลมพัดผ่านสะพานง่ายขึ้น
โคซูลิช-ชวาทซ์ อธิบายว่า ทีมงานทราบดีอยู่ก่อนแล้วว่า ผลข้างเคียงของการปรับปรุงสะพานนั้นก็คือ การเกิดเสียงเมื่อมีลมพัดแรง แต่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนจะดังขนาดที่เกิดขึ้นจริง
เขาบอกด้วยว่า ขณะที่บางคนรู้สึกว่าฟังเสียงนี้แล้วสบายใจและเหมือนดนตรีที่ใช้เวลานั่งสมาธิ บางคงรู้สึกไม่ชอบอย่างมาก
มิสเตอร์บิล ดีเจและนักดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหนึ่งที่ชื่นชอบบทเพลงแห่งสะพานโกลเดนเกต จนต้องปั่นจักรยานขึ้นสะพานไปบันทึกเสียงลงมา เพื่อเอามาประกอบเพลงที่เขาทำไว้อยู่
มิสเตอร์บิล บอกว่า บังเอิญว่าในช่วงที่ผ่านมา เขากำลังแต่งเพลงที่มีตัวโน้ตใกล้ๆ กับเสียงจากสะพานพอดี ทำให้เอามาใช้งานได้สะดวก
อย่างไรก็ตาม ทีมวิศวกรที่ดูแลสะพานกำลังเร่งหาทางลดความดังของเสียงจากสะพานนี้อยู่ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะสำเร็จหรือไม่ และเมื่อไหร่ ดังนั้น หากมีใครผ่านไปซานฟรานซิสโกแล้วได้ยินเสียงเพลงบรรเลงมาแต่ไกล ก็ไม่ต้องแปลกใจ และคิดเสียว่าเป็นหนึ่งในการต้อนรับสู่นครอันอบอุ่นและเต็มไปแห่งนี้ด้วยสีสันนั่นเอง
