เวียดนามถูกเรียกร้องให้ใช้การขนส่งทางน้ำมากขึ้นเพื่อช่วยลดมลพิษ

Workers unload sacks of rice from a Vietnam cargo ship carrying some 12, 700 tonnes of rice, at the port in Manila July 5, 2014.

Your browser doesn’t support HTML5

Vietnam Water Transportation

การวิเคราะห์ล่าสุดเกี่ยวกับพลังงานโลกโดย บริษัท น้ำมันและแก๊ส BP ระบุว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนในเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าประเทศอื่นๆ ในโลก การค้นพบนี้ทำให้ธนาคารโลกมีรายงานออกมาเมื่อวันจันทร์ ซึ่งมีข้อเสนอแนะต่างๆ อย่างเร่งด่วนเกี่ยวกับวิธีที่เวียดนามจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนและเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามข้อตกลง Paris

ผู้เขียนรายงานซึ่งมีความยาว 130 หน้ามุ่งเน้นในเรื่องของอุตสาหกรรมการขนส่งที่กำลังเติบโตและเสนอแนะให้เวียดนามเปลี่ยนการขนส่งจากทางถนนเป็นทางน้ำให้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นตามแนวชายฝั่งหรือภายในประเทศ

Ousmane Dione ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำเวียดนาม ในกรุงฮานอย กล่าวว่า ระบบการขนส่งที่ยืดหยุ่นนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจเวียดนาม ซึ่งต้องอาศัยการค้าขายภายนอกและการเชื่อมโยงที่ไร้รอยต่ออย่างมาก เขาหวังว่าการค้นพบและข้อเสนอแนะต่างๆ ของรายงานฉบับใหม่นี้จะช่วยให้เวียดนามบรรลุผลในความพยายามด้านการขนส่งที่ยืดหยุ่นและยั่งยืน

นอกจากนี้รายงานยังวิเคราะห์ว่ามีวิธีแก้ปัญหา 8 วิธีที่เวียดนามสามารถทดสอบเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากการใช้ระบบขนส่งสาธารณะไปจนถึงการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพเพิ่มขึ้น รายงานสรุปว่าทางออกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือ การเปลี่ยนจากการขนส่งทางบกเป็นการขนส่งทางน้ำ ซึ่งจะนำไปสู่การลดลงของคาร์บอนไดออกไซด์ 22.8 ล้านตันภายในปีพ.ศ. 2573

ส่วนทางออกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดอันดับที่สอง ก็คือการปรับปรุงเรื่องการประหยัดเชื้อเพลิงและมาตรฐานการปล่อยมลพิษ ซึ่งจะนำไปสู่การลดลงของคาร์บอนไดออกไซด์ 15.8 ล้านตันภายในปีพ.ศ. 2573

เวียดนามมีแนวชายฝั่งที่ยาว 3,218 กิโลเมตรและมีสามเหลี่ยมปากแม่น้ำขนาดใหญ่สองแห่งในบริเวณที่สำคัญ เช่นแม่น้ำโขงทางตอนใต้ใกล้กับโฮจิมินห์ซิตี้ และแม่น้ำแดงทางตอนเหนือใกล้กับกรุงฮานอย แม้ว่าช่องทางเหล่านี้จะถูกใช้ในการขนส่งสินค้า แต่ก็มีการพึ่งพารถบรรทุกที่มีตู้คอนเทนเนอร์บนถนนมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้การลงทุนเพิ่มเติมในเรื่องการขนส่งทางน้ำเป็นสิ่งที่จำเป็น หากเวียดนามต้องการเรียกคืนส่วนแบ่งในภาคขนส่งกลับมา

ด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เวียดนามจึงมีส่วนแบ่งการค้าโลกที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีความต้องการแหล่งพลังงานและการขนส่งผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้นไปด้วย การพัฒนานี้ยังนำไปสู่การใช้พลังงานมากขึ้นในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่การซื้อรถยนต์ของชนชั้นกลางที่กำลังขยายตัวไปจนถึงการก่อสร้างที่กำลังมีการสร้างคอนโดและสำนักงานต่างๆ เพิ่มมากขึ้น

นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมเรียกร้องให้ชาวเวียดนามค้นหาแหล่งพลังงานทางเลือกโดยรวม

Nguy Thi Khanh ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมและการพัฒนาสีเขียวหรือ GreenID ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมในกรุงฮานอยกล่าวว่า ในฐานะที่เป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านพลังงานหมุนเวียนที่ล้นเหลือและมีความหลากหลาย เวียดนามควรจะได้รับผลประโยชน์มากมายหากเร่งเปลี่ยนไปสู่การพัฒนาพลังงานสะอาดให้เร็วขึ้น

เธอกล่าวเสริมอีกว่าการหันไปใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิล ช่วยลดมลพิษ บรรเทาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และยังมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมอื่นๆ อีกมากมายด้วย

นอกเหนือจากการเปลี่ยนไปใช้การขนส่งทางน้ำแล้ว ธนาคารโลกยังแนะนำให้ใช้แนวทางอื่นๆ เพื่อลดการปล่อยมลพิษ รวมถึงการใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า ใช้เชื้อเพลิงสะอาด การลงทุนด้านรถโดยสารและรถไฟใต้ดินสาธารณะ และเปลี่ยนขนส่งทางรถยนต์เป็นการขนส่งทางรถไฟ ให้มากขึ้น

อย่างไรก็ดี รายงานระบุว่าแนวทางที่สมดุลจะสามารถลดการปล่อยก๊าซในภาคการขนส่งของเวียดนามลงได้ 9% ภายในปี พ.ศ. 2573 และช่วยลดการขอรับบริจาคจากผู้บริจาคนานาชาติและ บริษัทเอกชนต่างๆ ลงได้ 20%