กลุ่มนักธุรกิจในประเทศไทยเริ่มวิตกผลกระทบจากการประท้วงต่อเศรษฐกิจระยะยาว เร่งรัดให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาทำความตกลงกันให้ได้

กลุ่มนักธุรกิจในประเทศไทยเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการประท้วงที่กำลังดำเนินอยู่ในประเทศไทย และออกมาเรียกร้องให้ฝ่ายผู้ประท้วงและฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลเลิกการประท้วง และหันมาเจรจาทำความตกลงกันให้ได้ บางกลุ่มถึงกับเสนอตัวเป็นสื่อกลางในการเจรจาให้ เพราะเกรงว่า ถ้ายืดเยื้อกันต่อไป จะส่งผลเสียอย่างจริงจังทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้

เวลานี้อัตราการโตทางเศรษฐกิจของประเทศลดลงจากกว่า 5% ก่อนหน้านี้ ลงมาอยู่ต่ำกว่า 3% แล้วในเวลานี้ รายงานของธนาคารโลกกล่าวว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการส่งออกของไทยลดลง การใช้จ่ายทางธุรกิจก็ลดลง และผลของการสำรวจกลุ่มธุรกิจ แสดงให้เห็นว่า มีการมองการณ์ในเชิงลบสำหรับอนาคต

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ภัทระ ให้ความเห็นว่า นักลงทุนต่างชาติระงับการลงทุนและกำลังจับตาดูการลงทุนในประเทศไทยอย่างระมัดระวัง

ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประมาณ 30 ประเทศที่ออกคำเตือนประชาชนของตนให้มีความระมัดระวังในการเดินทางมายังประเทศไทย และนาย Lutzi Matzig ผู้บริหาร Asian Trials Group บอกว่า ผลกระทบในเวลานี้ ยังมีไม่มาก แต่ถ้ายืดเยื้อ จะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างมากและแน่นอน

ส่วนนักเขียนและนักวิเคราะห์การเมืองไทย นาย Chris Baker ให้ข้อคิดว่า แม้นักลงทุนจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ดูจะยังไม่มีความวิตกกังวล แต่ผลกระทบที่สะสมมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ โดยเฉพาะถ้าเกิดความรุนแรงขึ้น