นิทรรศการผีเสื้อมีชีวิตชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของผีเสื้อต่อระบบนิเวศวิทยา

  • Julie Taboh
พิพิทธภัณฑ์ Smithsonian Natural History Museum ที่กรุงวอชิงตันกำลังจัดนิทรรศการผีเสื้อมีชีวิตซึ่งเป็นนิทรรศการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดงานหนึ่ง งานนิทรรศการสวนผีเสื้อมีชีวิตนี้จัดทำขึ้นทุกปีเพื่อช่วยสร้างความตื่นตัวแก่ผู้เข้าชมถึงบทบาทที่สำคัญของผีเสื้อต่อระบบนิเวศวิทยาและปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่กระทบต่อความอยู่รอดของผีเสื้อหลายๆสายพันธุ์ทั่วโลก

ผีเสื้อเป็นเเมลงที่ดูนิ่มนวล สีสันสวยงาม ขยับปีกเคลื่อนไหวด้วยความสง่างามและภายในพิพิธภัณฑ์ Smithsonian’s Natural History Museum ในกรุงวอชิงตัน ผู้คนมีโอกาสพิเศษได้สัมผัสกับผีเสื้อมีชีวิตหลายร้อยตัวภายในสวนผีเสื้อ

คุณแดน แบ็บบิท ผู้จัดการนิทรรศการผีเสื้อกล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าผู้เข้าชมนิทรรศการได้ชมผีเสื่ออย่างใกล้ชิดในขณะที่ได้เรียนรู้ถึงบทบาทสำคัญของผีเสื้อต่อระบบนิเวศวิทยา

คุณแบ็บบิท ผู้จัดการนิทรรศการสวนผีเสื้อกล่าวว่าทางพิพิธภัณฑ์ต้องการเข้าถึงประชาชนและเห็นว่าการจัดนิทรรศการสัตว์มีชีวิตเป็นวิธีที่วิเศษที่สุดในการดึงคนเข้ามาชมพิพิทธภัณฑ์

เด็กหญิงเอวา เคนนาลเลส อายุเก้าปี ผู้เข้าชมสวนผีเสื้อเห็นด้วย ที่แขนของเอวา มีผีเสื้อตัวขนาดเท่าฝ่ามือ พันธุ์ Blue Morpho มาเกาะอยู่

เอวาบอกว่าเคยมาชมสวนผีเสื้อที่นี่แล้วก่อนหน้านี้และชอบมากเพราะจะมีผีเสื้อบินมาเกาะตามตัวเธอและไม่มีโอกาสเเบบนี้ในสวนหลังบ้าน

ด้านเด็กชายกันนาร์ บรูซ อายุเก้าขวบ ผู้เข้าชมสวนผีเสื้อก็ตื่นเต้นเช่นกัน ที่ด้านหลังศรีษะของกันนาร์ มีผีเสื่อสายพันธุ์เอเชียชื่อ Scarlet Mormon เกาะอยู่

เด็กชายกันนาร์กล่าวว่าสนุกมากเพราะมีผีเสื้อบินไปมาอยู่ใกล้ๆเต็มไปหมด เขาคิดว่าผีเสื้อตัวที่เกาะอยู่ที่ศรีษะก็ชอบเขาด้วย

คุณเเบ็บบิท ผู้จัดการนิทรรศการกล่าวว่าผีเสื่อมีบทบาทสำคัญต่อสิ่งเเวดล้อมด้วยเหตุผลหลายอย่าง เขากล่าวว่าบทบาทสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของผีเสื้ือคือช่วยผสมเกสร ผีเสื้อบินไปเกาะดอกไม้ดอกโน้นดอกนี้ เป็นตัวช่วยนำเกสรดอกไม้ไปผสมกันทำให้ดอกไม้สามารถสร้างเมล็ดและแพร่พันธุ์ต่อไป

คุณแบ็บบิทกล่าวว่านิทรรศการนี้จัดแสดงผีเสื้อประมารสามร้อยถึงสี่ร้อยตัว มาจากราวห้าสิบสายพันธุ์ แต่ยังถือเป็นส่วนเล็กน้อยจากจำนวนผีเสื้อที่สามารถระบุสายพันธุ์ได้ทั่วโลกราวสองหมื่นสายพันธุ์

ผู้จัดการนิทรรศการผีเสื้อมีชีวิตกล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าผีเสื้อในนิทรรศการมาจากเอเชีย จากอาฟริกา และจากอเมริกาใต้และอเมริกากลางและมาจากภายในสหรัฐเองด้วย

แคมรี บอล อายุสิบเจ็ดปี ผู้ชมนิทรรศการที่เดินทางมาจากเท็กซัส เธอบอกว่าเพลิดเพลินกับสวนผีเสื้อในนิทรรศการอย่างมากเพราะได้สัมผัสใกล้ชิดกับผีเสื้อจริงๆ

เธอบอกว่ารู้สึกตื่นเต้นมาที่มีผีเสื้อมาเกาะที่เเขน รู้สึกสนิทสนมยังกับเป็นเพื่อนเก่ากันยังงัยยังงั้น เเล้วผีเสื้อก็สวยด้วย

ผีเสื้อในนิทรรศการเป็นผีเสื้อเลี้ยงในประเทศบ้านเกิดตั้งเเต่ยังเป็นตัวหนอนโดยผู้เลี้ยงผีเสื้อในประเทศต่างๆทั่วโลก และถูกส่งมายังพิพิธภัณฑ์ Smithsonian’s Natural History Museum ในกรุงวอชิงตันในช่วงที่ตัวหนอนอยู่ในช่วงที่เป็นตัวดักแด้ในรัง

คุณแดน เเบ็ทบิท ผู้จัดการนิทรรศการผีเสื้อกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ทำการเปิดกล่องแล้วนำหนอนดักเเด้ผีเสื้อที่ส่งมาจากประเทศต่างๆไปแขวนไว้ รอให้โตจนกลายเป็นผีเสื้อ ก่อนจะปล่อยเข้าไปอยู่ในสวนผีเสื้อซึ่งเป็นห้องควบคุมอุณหภูมิที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเเก่ผีเสื้อ เขากล่าวว่าแม้ว่าผีเสื้อที่นำมาเเสดงไม่ได้เป็นสายพันธุ์ที่กำลังใกล้จะสูญพันธุ์ แต่ผีเสื้อสายพันธุ์โมนัคกำลังลดจำนวนลง

เขากล่าวว่าการลดจำนวนลงของผีเสื้ออาจเกิดจากปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า การใช้ยาฆ่าเเมลง และการจัดการการใช้ที่ดิน จึงจำเป็นต้องหาทางแก้ปัญหาเหล่านี้เพื่อช่วยให้ผีเสื้ออยู่รอดในธรรมชาติและเพื่อให้สัตว์ป่าและคนเรามีสภาพแวดล้อมที่ไร้มลพิษ และเขาหวังว่านิทรรศการผีเสื้อที่พิพิธภัณฑ์ Smithsonian’s Natural History Museum นี้จะช่วยสร้างความตื่นตัวแก่ประชาชนทั่วไปถึงปัญหาที่ผีเสื้อกำลังประสบ

สวนผีเสื้อมีชีวิตที่เรียกว่า Live Butterfly Pavilion นี้เป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการผีเสื้อที่มองย้อนวิวัฒนาการของผีเสื้อที่เกี่ยวกับใกล้ชิดกับพืชพันธุ์ตั้งแต่เมื่อกว่า 180 ล้านปีที่เเล้ว

คุณแดน แด็บบิทผู้จัดการนิทรรศการผีเสื้อกล่าวปิดท้ายรายงานจากผู้สื่อข่าววีโอเอว่าเป้าหมายของพิพิทธภัณฑ์ต่อจากนี้ไปอีกห้าปีคือการการเข้าถึงผู้คนให้ได้จำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยใช้ผีเสื้อมีชีวิตเป็นสื่อกลาง