การฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของตลาดแรงงานในอเมริกาหลังวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจตลอดจนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศเช่นจีนและอินเดียในขณะนี้ คือปัจจัยที่ส่งผลให้ประชากรในหลายประเทศกำลังแข่งกันหางานเป็นพัลวัน ทุกวันนี้ผู้สมัครงานจำนวนมากใช้วิธีเข้าเว็บไซต์ของบริษัทที่ต้องการสมัครหรือเว็บไซต์หางานเพื่อติดต่อกับนายจ้างและมองหาตำแหน่งงานว่าง นอกจากนี้เว็บไซต์เครือข่ายสังคมอย่าง Facebook Twitter หรือ LinkedIn ก็กำลังมีบทบาทมากขึ้นเช่นกัน
คุณ Ben Krishner ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทวิจัยทางการตลาด SEM ผู้ให้บริการค้นหาข้อมูลการตลาดทางอินเตอร์เนต กล่าวว่าในประบวนการค้นหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับตำแหน่งงานใหม่ของบริษัทนั้น 25% มาจากเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ และ 75% มาจากการบอกกันปากต่อปาก แต่ในส่วนของ 75% ที่มาจากการบอกต่อไปยังคนที่รู้จักนั้น คุณ Ben Krishner บอกว่าฝ่ายทรัพยากรบุคคลยังต้องเข้าไปตรวจสอบประวัติและข้อมูลของบุคคลคนนั้นทาง Facebook Twitter หรือเว็บไซต์อื่นๆอีกที นั่นหมายความว่าข้อมูลที่ผู้สมัครคนไหนใส่ไว้ใน Facebook หรือ Twitter ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี อาจมีผลกระทบต่อการจ้างงานได้ ผู้บริหารผู้นี้จึงขอเตือนให้บรรดาผู้สมัครงานระมัดระวังข้อมูลหรือข้อความที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ของตนให้ดีๆ รวมทั้งข้อความที่คนอื่นๆส่งมาถึงคุณด้วย
ทางด้านคุณ Steve Langerud ผู้อำนวยการฝ่ายสรรหาบุคลากรของมหาวิทยาลัย DePauw ในรัฐอินเดียอะน่า ชี้ว่าปัจจุบันผู้ที่สมัครงานทางอินเตอร์เนตมักจะใส่ใจกับการให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงานของตนมากเกินไป แต่ในความเป็นจริงนั้นสิ่งที่นายจ้างอาจจะอย่างรู้มากกว่าคือความสามารถพิเศษและศักยภาพที่จะนำมาสู่องค์กรใหม่ นอกจากนี้คุณ Steve Langerud ยังแนะนำด้วยว่าสำหรับนายจ้างนั้น ควรคิดทบทวนให้ดีๆว่า ในการค้นหาผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมทางอินเตอร์เนตนั้น สิ่งที่บริษัทต้องการจากผู้สมัครคนนั้นคืออะไรกันแน่