กลุ่มรักษ์สัตว์ปกป้องลาในเคนยาจากการใช้งานหนัก

  • Jill Craig
    Thaksina Khaikaew
ลาเป็นสัตว์ใช้งานที่ยังนิยมกันอยู่ในหลายๆส่วนของโลก แต่ลามักถูกใช้งานหนักมากและไม่ได้รับการดูแล ขณะนี้มีกลุ่มปกป้องสัตว์หลายกลุ่มเกิดขึ้นในประเทศเคนยาเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ให้แก่สัตว์ใช้งานทั้งหลาย

ประเทศเคนยามีลาถึงหกแสนตัว ส่วนใหญ่ถูกใช้งานลากล้อบรรทุกน้ำเป็นถังๆ ไม้ฟืนและสิ่งจำเป็นอื่นๆในการดำรงชีวิตประจำวันของเจ้าของลา


ลาเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองที่ประชากรหนาแน่น มักนอนปะปนกับสุนัขข้างถนน ลาบางตัวติดเชื้อพิษสุนัขบ้า ถูกรถชนบนทางด่วนและได้รับอาหารไม่เพียงพอและบางครั้งถูกเจ้าของเฆี่ยนตี

คุณจีน กิลคริส ผู้อำนวยการของสมาคมปกป้องและดูแลสัตว์แห่งแคนยา ทำงานในหน่วยงานนี้มายี่สิบหกปีแล้ว เพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของสัตว์ต่างๆรวมทั้งลา เธอบอกว่าปัญหานี้ไม่ได้จำกัดอยู่ในเฉพาะในเคนยาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นทั่วโลก ตั้งแต่อินเดีย เอธิโอเปีย และเม็กซิโก เธอบอกว่า ลาเจอปัญหามากที่สุด อาจเป็นเพราะว่าเป็นสัตว์ใช้งานของคนจน คุณกิลคริส เปรียบเทียบลากับรถเช่า ที่ถูกใช้งานจนคุ้มค่าเช่า แต่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่

คุณจีน กิลคริส ผู้อำนวยการของสมาคมปกป้องและดูแลสัตว์แห่งแคนยา บอกว่า คนหนุ่มมักเช่าลาไปรับจ้างทำงาน คนเหล่านี้ไม่ดูแลเอาใจใส่ลา ลาบางตัวถูกเฆี่ยนตีรุนแรง แม้ว่ามันได้วิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในขณะเดียวกัน มีกลุ่มปกป้องสัตว์อีกกลุ่มหนึ่งจากประเทศอังกฤษ มีชื่อว่า Donkey Sanctuary ได้จัดบริการคลีนิครักษาลาเคลื่อนที่ไปทั่วประเทศเคนยา ให้การพยาบาลแก่ลาป่วยและบาดเจ็บไปแล้วหลายพันตัวในช่วงแปดปีที่ผ่านมา

สัตวแพทย์ ทาไปเทอร์ ไวไนน่า เป็นอาสาสมัครช่วยงานที่หน่วยงานการกุศล Donkey Sanctuary มาเป็นเวลาห้าปีแล้ว กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า คนมองว่าลาเป็นสัตว์ใช้งาน จึงถูกใช้งานหนัก แต่ไม่ได้รับการดูแลว่าจะกินอิ่มมั้ย หรือ เจ็บป่วยหรือไม่

สัตวแพทย์ ทาไปเทอร์ ไวไนน่า บอกว่า ลาส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากอานที่ผิดขนาด ไม่เหมาะกับการใช้งาน เจ้าของมักใช้เชือกผูกรอบคอลา ทำให้บาดเจ็บเวลาที่ลาต้องลากล้อบรรทุกของหนักๆ

ทางหน่วยงานมีอาสาสมัครสอนให้เจ้าของลาทำอานขึ้นมาเองจากวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น อาทิ ผ้าห่ม ฟูก หรือ เสื้อผ้าเก่า เพื่อป้องกันลาได้รับบาดเจ็บจากการสวมอาน

นอกจากหน่วยงานยังรณรงค์ต่อต้านการทำร้ายลาในหมู่บ้าน แต่ไม่ค่อยได้ผล เพราะชาวบ้านถือว่าลาเป็นสมบัติส่วนตัว จะทำอะไรก็ได้

อย่างไรก็ดี สัตวแพทย์ ทาไปเทอร์ ไวไนน่า บอกว่า ลาเสี่ยงต่อการติดเชื้อสุนัขบ้า เชื้อบาดทะยัก และโรคติดต่อในม้าและเชื้อพยาธิต่างๆ ทางห่วยงานรณรงค์ในเรื่องนี้และชาวบ้านเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนให้ลาบ้างแล้ว

สัตวแพทย์ ไวไนน่า บอกว่า ชาวบ้านเริ่มเห็นคุณแล้วว่าหากดูแลเอาใจใส่ลาและสัตว์ใช้งานของตน สัตว์ก็มีสุขภาพดี ทำงานได้ดีขึ้น อายุยืนมากขึ้น ส่งผลดีทางเศรษฐกิจแก่เจ้าของลาเอง เหมือนคำขวัญของหน่วยงานอาสาสมัคร Donkey Sanctuary ที่ว่า เมื่อลามีความสุข เจ้าของก็มีความสุขไปด้วย