จีนแจกของฟรี ตั้งเป้าให้ประชากร 600 ล้านฉีดวัคซีนต้านโควิด ภายในเดือนมิ.ย.

A visitor holds his mobile phone near a screen showing Chinese President Xi Jinping

ตามรายงานของสื่อ Washington Post คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนได้ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ทางการจีนได้แจกจ่ายวัคซีนต้านโควิด-19 กว่า 140 ล้านโดสให้แก่ประชาชนแล้ว และได้ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มยอดการฉีดวัคซีนจาก 3 ล้านคนต่อวันเป็น 10 ล้านคน หรือประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดภายในเดือนมิถุนายนนี้

แม้จีนจะมีวัคซีนต้านโควิดถึง 5 ตัวและมีการส่งออกวัคซีนไปยังนานาประเทศทั่วโลก ประชากรจีนเพียงแค่ 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เข้ารับวัคซีนเเล้ว โดยความเชื่อมั่นของประชาชนภายในประเทศที่มีต่อวัคซีนนั้นยังคงเป็นปัญหาสำคัญอยู่

จีนงัดกลยุทธ์เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีน

เพื่อเป็นการพิชิตเป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้ประชากรราว 560 ล้านคนภายในเดือนมิถุนายนนี้ รัฐบาลจีนจึงได้งัดกลยุทธ์ต่างๆ รวมทั้งการประสานงานกับภาคเอกชนเพื่อแจกของฟรี เช่น กระดาษทิชชู่ ไข่ไก่ แป้ง และ คูปองลดราคาสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต ให้แก่ประชาชนที่นำใบรับรองการฉีดวัคซีนมาแสดง

FILE - A booth displaying a coronavirus vaccine candidate from China National Biotech Group is seen at the 2020 China International Fair for Trade in Services, following the COVID-19 outbreak, in Beijing, China, Sept. 5, 2020. (Reuters)

แนวทางรณรงค์ที่ดูจะประสบความสำเร็จในการดึงดูดใจให้คนในกรุงปักกิ่งมาต่อแถวรับวัคซีน คือ รถจำหน่ายอาหารจากร้านฟาสต์ฟู๊ดสัญชาติอเมริกันอย่าง แม็คโดนัลด์ ที่มาจอดรอผู้คนอยู่หน้าศูนย์การแจกวัคซีนในหวังฝูจิ่งซึ่งเป็นย่านช้อปปิ้งชื่อดัง

แม็คโดนัลด์ตั้งป้ายโปรโมชั่นเด็ดๆ เช่น ซื้อ 1 แถม 1 สำหรับลูกค้าไอศกรีมโคนที่รับวัคซีนแล้วเท่านั้น พนักงานร้านแม็คฯรายหนึ่ง นาย หวาง ฉวน ยืนยันกับสื่อนิวยอร์กไทม์สว่า ผู้คนที่ผ่านไปมาให้ความสนใจกับป้ายโฆษณาดังกล่าวมาก ซึ่งพนักงานคนดังกล่าวเห็นชายคนหนึ่งหยุดอ่านป้าย ก่อนที่จะเดินเข้าไปฉีดวัคซีนแล้วออกมาซื้อไอศกรีมกิน

นอกจากนี้ ทางการจีนยังให้ใบประกาศสีสดพร้อมคำชื่นชมกับธุรกิจต่างๆในกรุงปักกิ่ง หากอัตราการฉีดวัคซีนของจำนวนพนักงานในธุรกิจนั้นๆเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานทั้งหมด

ทั้งนี้ การแจกของฟรีก็ไม่ใช่กลยุทธ์เดียวที่ทางการจีนใช้เพื่อรณรงค์ให้คนฉีดวัคซีน รัฐบาลได้ออกกฎที่เคร่งครัดและมีการขู่ลงโทษผู้คนและร้านรวงที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน เช่น ในเมืองไห่โคว ในมณฑล ไหหนาน ภาครัฐได้ติดประกาศว่าจะส่งใบเตือนและอาจจะงดออกใบรับรองให้แก่บริษัทที่มีอัตราการฉีดวัคซีนให้แก่พนักงานทั้งหมดน้อยกว่า 85 เปอร์เซ็นต์

สำหรับนครฉงชิ่ง บริษัทแห่งหนึ่งได้ติดป้ายบังคับให้พนักงานอายุระหว่าง 18 ถึง 59 ปีที่ไม่มีโรคแทรกซ้อนไปรับวัคซีน ซึ่งป้ายดังกล่าวยังระบุอีกว่า หากหมดเดือนเมษายนแล้ว ใครที่ไม่ฉีดวัคซีนจะต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจดังกล่าว ส่วนในชนบทของจีน เจ้าหน้าที่อาสาสมัครตามหมู่บ้านมีการติดป้ายรณรงค์ให้คนฉีดวัคซีนและมีการส่งตัวแทนไปเคาะประตูตามบ้าน เพื่อเน้นย้ำกับประชาชนว่าการฉีดวัคซีนเป็นหน้าที่ของคนรักชาติจีน

ความกังวลของประชนชนจีนถึงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19

แต่เมื่อมองลึกลงไปถึงอัตราการฉีดวัคซีนที่มีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ความกังวลของชาวจีนถึงความปลอดภัยของวัคซีนนั้นได้ปรากฏให้เห็นชัดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในผลสำรวจของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติจีน โดยรายงานชิ้นดังกล่าวพบว่า บุคลากรทางการแพทย์ในมณฑลเจ้อเจียงไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ต้องการฉีดวัคซีน ซึ่งผู้ที่ปฏิเสธส่วนใหญ่ให้เหตุผลถึงความกังวลจากผลข้างเคียง

ดร. เทา ลีน่า ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ อธิบายกับสื่อนิวยอร์กไทมส์ ว่า คนส่วนใหญ่รู้สึกหวาดระแวงเพราะบริษัทผลิตวัคซีนในจีนไม่ยอมเผยแพร่ข้อมูลด้านความปลอดภัยจากการทดลองวัคซีนให้แก่ประชาชน คุณหมอคนดังกล่าวยังพูดต่ออีกว่า มีเพียงหมอจาง เหวินฮอง หมอที่มีชื่อเสียงโด่งดังในจีนคล้ายกับดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐ คนเดียวเท่านั้นที่ยอมฉีดวัคซีนเป็นตัวอย่างให้ประชาชนดู เพราะฉะนั้น ผู้นำในจีนจากพรรคคอมมิวนิสต์ควรทำตามบ้าง

Seorang perawat dari unit medis, Hickam 15th Medical Group, menyuntikkan vaksin dalam vaksinasi massal COVID-19 di Pangkalan Gabungan Harbor-Hickam, 9 Februari 2021. (Foto: Departemen Pertahanan AS via AP)

เปรียบเทียบการอัตราการฉีดวัคซีนของจีนกับประเทศอื่น

ผู้เชี่ยวชาญด้านโคโรนาไวรัส นายจง หนานซาน ระบุผ่านสื่อในจีนว่า ประเทศอื่นได้มีการฉีดวัคซีนอย่างแพร่หลายเมื่อเทียบกับจีน ดังนั้น ประเทศจีนจึงยังตกอยู่ในอันตรายอยู่เพราะประชากรส่วนมากขาดภูมิคุ้มกันจากโรคโควิด-19

ณ ปัจจุบัน ทางการจีนสามารถขับเคลื่อนโครงการฉีดวัคซีนได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปคือ ในอัตรา 10 โดสต่อประชาการ 100 คน หรือร้อยละ 10 ตำ่กว่าในสหราชอาณาจักรนั้นอยู่ที่ร้อยละ 56 และ สหรัฐอยู่ที่ ร้อยละ 50 ตามรายงานของนิวยอร์กไทมส์