จีนเร่งพัฒนาโลกอินเทอร์เน็ตใหม่ที่ปิดโอกาสการซ่อนตัวตนของผู้ใช้งาน

FILE - Wires are plugged into laptop computers as people work during the 11th International Cybersecurity Forum, Jan. 22, 2019.

Your browser doesn’t support HTML5

Business News


จีนกำลังเร่งพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตให้เปิดกว้าง ใช้งานได้รวดเร็วขึ้น ไม่จำกัดจำนวนของอุปกรณ์ และปิดโอกาสไม่ให้ผู้ใช้งานปิดบังตัวตนได้อีกต่อไป

รายงานข่าวของ วีโอเอ ที่อ้างข้อมูลจากสำนักข่าว ซินหัว ของจีน ระบุว่า หน่วยงานด้านอินเทอร์เน็ตชั้นนำหลายรายของจีนกำลังเฝ้ารอการเปิดตัวอินเทอร์เน็ตโปรโตคอล (Internet Protocol – IP) ใหม่สำหรับการใช้งานทั่วโลก ที่ใหญ่กว่าและเร็วกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งยังปิดโอกาสที่ผู้ใช้งานจะปกปิดตัวตนด้วย

เทคโนโลยีนี้มีชื่อเรียกว่า IPv6 ซึ่งเป็นโครงสร้างโลกอินเทอร์เน็ตที่จะอนุญาตให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นับล้านล้านชิ้นเข้าถึงอินเทอร์เน็ต โดยแต่ละอุปกรณ์จะมีเลขที่อยู่ไอพี หรือ IP Address เฉพาะตัวด้วย

ระบบอินเทอร์เน็ตที่ในปัจจุบันนั้นคือ IPv4 หรือ เวอร์ชั่นที่ 4 ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1990 และมีเลขที่อยู่ไอพีเพียงราว 4,300 ล้านเลขเท่านั้น ก่อนที่คนทั่วโลกจะเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้นผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์แทบเล็ต และอุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหลายที่มีใช้กันอย่างกว้างขวางในเวลานี้

วิศวกรด้านคอมพิวเตอร์เสนอแผนพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตใหม่มาตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 1998 ก่อนที่องค์กร Internet Engineering Task Force (IETF) ซึ่งรับผิดชอบการจัดมาตรฐานอินเทอร์เน็ต จะเปิดตัวข้อกำหนดในการติดต่อสื่อสารระหว่างอุปกรณ์สสำหรับระบบ IPv6 ซึ่งเอื้อให้มีการใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อมากขึ้นแบบก้าวกระโดด

และเนื่องจาก IPv6 จะไม่มีข้อจำกัดเรื่องเลขที่อยู่ไอพี รัฐบาลจีนจึงพิจารณาที่จะสร้างเลขที่อยู่เฉพาะและไม่ซ้ำกับใครในโลกให้กับประชาชนแต่ละคน เปรียบเสมือนตัวเลขประชาชนออนไลน์แล้ว

หวู เฮ่อฉวน ประธานกลุ่ม Internet Society of China และรั้งตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการ China Next Generation Internet ให้ความเห็นว่า ความสำเร็จในด้านนี้จะทำให้จีนสามารถระบุตัวตนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์นอกประเทศจีนมองว่า เป็นจุดที่ทำให้ผู้นำจีนสนใจการเร่งพัฒนาระบบนี้อย่างมาก และยกแผนงานนี้ให้เป็นเรื่องเร่งด่วนระดับชาติไปแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อระบบใหม่นี้จะทำให้การใช้งาน VPN หรือ Virtual Private Network หรือ ซอฟต์แวร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากใช้ เพื่อหลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์หรือปิดกั้นระบบในบางพื้นที่แทบเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป