รัฐบาลพม่าเร่งสร้างความสงบในรัฐยะไข่หลังเหตุขัดแย้งระหว่างชาวพุทธกับชาวมุสลิมโรฮิงจะ

ในงานประชุมแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมนตรีกระทรวงกิจการชายแดนของพม่า Thein Htay ให้สัญญากับบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความสงบในรัฐยะไข่ว่า จะนำตัวผู้ก่อความรุนแรงที่นำไปสู่ความขัดแย้งทางเชื้อชาติระหว่างชาวพุทธกับชาวมุสลิมโรฮิงจะในรัฐยะไข่มาลงโทษให้ได้

รมต.Thein Htay กล่าวว่าได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานและเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษเพื่อทำหน้าที่ฟื้นฟูหลักนิติธรรมในรัฐยะไข่ให้กลับคืนมา อย่างไรก็ตาม บรรดาองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่มยังคงกังวลต่อหลักฐานที่ว่า มีผู้ต้องหาจำนวนมากถูกจับกุมคุมขังไว้ตามคุกลับต่างๆทางภาคเหนือของรัฐยะไข่
คุณ Matthew Smith แห่งกลุ่ม Human Rights Watch ระบุว่าคุกต่างๆที่กระจายอยู่ในภาคเหนือของรัฐยะไข่ถูกกล่าวหาว่ากักขังนักโทษไว้โดยไม่มีการดำเนินการใดๆทางกฎหมาย ซึ่งจำเป็นต้องมีการเพ่งเล็งไปที่คุกเหล่านี้เป็นพิเศษ

ไม่กี่วันก่อนชาวมุสลิมโรฮิงจะผู้หนึ่งคือนาย Tun Aung ถูกศาลพม่าตัดสินจำคุก 15 ปีในข้อหาก่อความวุ่นวายในรัฐยะไข่ จากการที่เขาได้เผยแพร่ภาพความรุนแรงในรัฐยะไข่ทางอีเมลล์และมีสกุลเงินต่างชาติไว้ในครอบครอง แต่ทางองค์การนิรโทษกรรมสากลร้องเรียนว่านาย Tun Aung มิได้รับความเป็นธรรมทางกฎหมาย ไม่มีทนายความ และไม่ได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสมขณะที่ถูกจับกุมคุมขัง นอกจากนี้ลูกสาวของนาย Tun Aung ซึ่งทำงานให้กับสำนักงานผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ ยังถูกคุมขังไว้ที่เรือนจำแห่งหนึ่งในนครย่างกุ้งเช่นกัน

กรณีนาย Tun Aung เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างของชาวมุสลิมโรฮิงจะนับร้อยคนที่ถูกตัดสินจำคุกหลายปีโดยไม่มีการพิจารณาคดีอย่างเหมาะสมตามกระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้สภาพความเป็นอยู่ภายในเรือนจำต่างๆยังค่อนข้างเลวร้าย

คุณ Kyaw Hla Aung แห่งกลุ่ม Doctors Without Borders เปิดเผยว่ามีชาวมุสลิมโรฮิงจะถูกคุมขังไว้เพื่อรอพิจารณาคดีอีกราว 185 คน และมีผู้ต้องหา 2 คนถูกทำทรมานและเสียชีวิตภายในช่วง 10 วันที่ผ่านมา

บรรดาองค์กรรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนชี้ว่า การสืบสวนถึงต้นตอความรุนแรงในรัฐยะไข่นั้นเป็นสิ่งเดียวที่ระบบยุติธรรมของพม่ายังไม่เคยแตะไปถึงตั้งแต่เริ่มมีการปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจพม่าเป็นต้นมา และจนถึงขณะนี้ก็ยังขาดความเป็นอิสระในกระบวนการสืบสวนในเรื่องนี้