ในการแถลงข่าวแบบเดี่ยวต่อหน้าสื่อ ซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อย ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ใช้เวทีในวันพฤหัสบดีตอกย้ำจุดยืนนโยบายทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงยืนยันว่ายังพร้อมบริหารประเทศอีกสี่ปี แม้จะมีบางช่วงที่เรียกชื่อคนและตำแหน่งสลับกัน
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบันระบุว่า ได้เข้ารับการทดสอบด้านสมองอย่างเข้มข้นมาแล้วสามครั้ง โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และระบุว่า “พวกเขา (ผู้ทำการทดสอบ) บอกว่าผมอยู่ในสภาพดี” และกล่าวด้วยว่าจะเข้ารับการทดสอบอีก หากแพทย์ประจำตัวเขามีความเห็นว่าต้องทำ
ไบเดนในวัย 81 ปีกล่าวว่า การมีอายุ “สร้างข้อคิดขึ้นมาได้นิดหน่อย” และย้ำว่าเขายังสามารถรับมือกับความเครียดในภาระงานบริหารประเทศไปได้อีกหนึ่งวาระ
ต่อคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่เขาพูดเมื่อการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ว่าจะเป็นสะพานเชื่อมต่อไปยังสมาชิกพรรคเดโมแครตที่อายุน้อยลงมา ซึ่งเสมือนเป็นนัยว่าเขาจะไม่ลงแข่งขันชิงตำแหน่งผู้นำเป็นสมัยที่สอง ไบเดนตอบว่า “สิ่งที่เปลี่ยนไปคือความหนักหนาของสถานการณ์ที่ผมได้รับช่วงต่อมา ในแง่เศรษฐกิจ นโยบายต่างประเทศของเรา และการแบ่งแยกภายในประเทศ”
ไบเดนกล่าวว่า “ข้อเท็จจริงก็คือ การพิจารณาว่าผมคิดว่า ผมคือคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะแข่งขันเป็นประธานาธิบดี ผมเอาชนะเขา (ทรัมป์) ได้ครั้งหนึ่ง และจะชนะเขาอีกครั้ง”
ในการแถลงข่าวแบบเดี่ยวต่อหน้าสื่อมวลชนหลายสิบคน ไบเดนพูดถึงความสำเร็จที่ผ่านมาในแง่การรับมือวิกฤตเศรษฐกิจและกิจการต่างประเทศ แต่สิ่งที่จะยังเป็นที่พูดถึงในสื่อหลังแถลงข่าววันพฤหัสบดีนี้ คือการรับมือกับวิกฤตการณ์ภายในพรรคสืบเนื่องจากการลงแข่งขันทางการเมืองของเขา
ต่อคำถามว่าไบเดนจะยังคงลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ หากมีข้อมูลที่บ่งชี้ว่า รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส มีโอกาสเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันได้มากกว่า ไบเดนตอบว่าจะสู้ต่อไปจนกว่าที่ปรึกษาจะบอกว่าเขาไม่มีทางที่จะชนะ และพูดต่อแบบกระซิบว่า “ไม่มีโพลไหนที่พูดแบบนั้น”
วิลเลียม แกลสตัน ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน Brooking Institution อดีตรองผู้ช่วยด้านนโยบายในประเทศของประธานาธิบดีบิล คลินตัน ให้ความเห็นกับวีโอเอว่า การแถลงข่าวนี้ถือเป็นวันที่ดีที่สุดของไบเดนในช่วงระยะที่ผ่านมา แต่ก็ตอบไม่ได้ว่าจะสามารถเปลี่ยนกระแสกดดันที่ไบเดนเผชิญอยู่ได้มากน้อยเพียงใด
ในการแถลงข่าวที่กินเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงนี้ ไบเดนมีอาการพูดผิดอยู่ไม่กี่ครั้ง ได้แก่การพูดถึงรองประธานาธิบดีแฮร์ริสเป็น “รองประธานาธิบดีทรัมป์” ก่อนจะพูดว่าเขาเลือกอดีตวุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนียมาเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งรองผู้นำสูงสุด เพราะเธอมีความพร้อมที่จะขึ้นมาทำงานในฐานะประธานาธิบดี
อีกช่วงหนี่งที่ไบเดนพูดผิด คือจุดที่กล่าวว่า “ผมรับคำแนะนำมาจากผู้บัญชาการทหารสูงสุด” ซึ่งไบเดนจะสื่อถึงประธานคณะเสนาธิการร่วม เพราะตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดนั้นเป็นตำแหน่งควบคู่กับตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดนอยู่แล้ว
หลายชั่วโมงก่อนที่จะมีการแถลงข่าวข้างต้น ไบเดนทำการแนะนำโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนภายในงานของ NATO แต่กลับพูดแนะนำว่า “สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ - ประธานาธิบดีปูติน” ซึ่งเป็นผู้นำรัสเซียที่กำลังสู้รบกับยูเครนอยู่ ก่อนที่จะพูดแก้ไขว่า “(เขา) จะเอาชนะประธานาธิบดีปูติน ประธานาธิบดีเซเลนสกี ผมจดจ่อกับการเอาชนะปูตินมาก ๆ”
เสียงเรียกร้องในพรรคเดโมแครตให้ไบเดนถอนตัวจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้ขยายตัวไปแล้วอย่างน้อยเป็นจำนวน 16 คน ในหมู่สภาผู้แทนราษฎร ไม่เพียงเท่านั้น ดาราดังที่มีบทบาทในการระดมทุนให้ไบเดนอย่างจอร์จ คลูนีย์ ก็เขียนบทความลงในสื่อเดอะนิวยอร์กไทม์สเรียกร้องให้ไบเดนถอนตัวเช่นกัน
ความพร้อมทั้งทางกายและไหวพริบปฏิภาณของไบเดน เป็นที่กังวลภายในพรรคเดโมแครตและผู้สนับสนุนสืบเนื่องจากผลการโต้วาที (ดีเบท) กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เป็นคู่แข่งเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ไบเดนเหมือนจะไม่สามารถเรียบเรียงความคิดอยู่บ่อยครั้ง มีอาการเหนื่อยล้า พูดตะกุกตะกักและมีนำเสียงแหบแห้ง จนไม่สามารถโจมตีทรัมป์ รวมถึงตอบโต้ป้องกันตนเองเรื่องผลงานในการบริหารประเทศช่วงสามปีครึ่งที่ผ่านมา
ทันทีที่การแถลงข่าวของไบเดนเสร็จสิ้น จิม ไฮม์ส สมาชิกสภาคองเกรสจากรัฐคอนเนคทิคัตสังกัดพรรคเดโมแครต ออกแถลงการณ์ว่า การเลือกตั้งปี 2024 ที่จะกำหนดอนาคตประชาธิปไตยของประเทศ พรรคเดโมแครตต้องส่งตัวแทนที่แข็งแกร่งที่สุดไปสู้กับทรัมป์ และ “ผมไม่เชื่ออีกต่อไปว่าคน ๆ นั้นคือโจ ไบเดน”
หลังไฮม์สมีแถลงการณ์ดังกล่าว สกอตต์ ปีเตอร์ส สมาชิกสภาคองเกรสพรรคเดโมแครตจากรัฐแคลิฟอร์เนีย เรียกร้องให้ไบเดนถอนตัวจากการแข่งขันเช่นกัน
สกอตต์ ไซมอน ผู้ดำเนินรายการ NPR Weekend Edition โพสต์ในโซเชียลมีเดียขณะที่ไบเดนกำลังแถลงข่าว ระบุว่า “ปัญหาอยู่ที่ตรงนี้ แม้ว่าการพูดผิด [ของไบเดน] จะได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วและเป็นที่เข้าใจได้ (แต่) ผู้คนก็กำลังรับฟังอยู่ และเผลอ ๆ อาจจะจดจำนวนเอาไว้ด้วย แน่นอนว่าอะไรที่เคยถูกปล่อยไปและเข้าใจได้นั้น ตอนนี้ถูกได้ยินในแบบที่ต่างออกไป”
- ที่มา: วีโอเอ