Your browser doesn’t support HTML5
Bangkok Market
ปัจจุบันการจับจ่ายสินค้าสำหรับคนไทยในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอาหารสดหรือเครื่องปรุงต่างๆ ถือว่ามีความสะดวกสบาย แต่เมื่อมองย้อนกลับไป 50-60 ปีก่อน วัตถุดิบสำหรับการปรุงอาหารไทย รวมถึงอาหารเอเชียคือสิ่งที่หายากในประเทศอเมริกา ตลาดบางกอกมาร์เก็ต “ตลาดไทยแห่งแรกในสหรัฐฯ” จึงถือกำเนิดขึ้น
และนี่คือเรื่องราวของคนไทย ชุมชนไทย ที่สร้างหมุดหมายสำคัญ วางรากฐานทางด้านธุรกิจอาหารไทยในประเทศสหรัฐฯ
Bangkok Market
ตึกสีขาวบริเวณหัวมุมถนนเมลโรส ตัดกับ นอร์ธ ฮาวาร์ด บูเลอวาร์ด ในเมืองลองแอนเจลีส คือที่สถานที่ตั้งของตลาดที่เพิ่งประกาศปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สภาพของตลาดโรยราไปตามเวลา ถ้าจะนับนี่คือปีที่ 47 ของตลาดบางกอกมาร์เก็ต สถานที่จับจ่ายของคนในพื้นที่มาอย่างช้านาน
ผมบอกให้คุณแม่ปิดตลาดแห่งนี้มานานหลายปีแล้ว
ครั้งหนึ่งตลาดแห่งนี้เคยเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญของเชฟชื่อดัง เครื่องปรุงหายากสำหรับอาหารไทยเคยมีเฉพาะที่นี่เท่านั้น แม้วันนี้การแข่งขันทางธุรกิจจะบังคับให้ประตูของตลาดต้องปิดตาย แต่ความสำเร็จในอดีตของ “ตลาดไทยแห่งแรกในสหรัฐฯ” จะยังคงถูกเล่าขานต่อไป
Bangkok Market
เจ็ต ติลกมลกุล หรือ เจ็ต ติลา พ่อครัวและนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในสหรัฐฯ บุตรชายจาก “ครอบครัวติลกมลกุล” ครอบครัวเจ้าของตลาดบางกอกมาร์เก็ต เชฟเจ็ตใช้ชีวิตในวัยเด็กคลุกคลีกับที่นี่มาตั้งแต่เกิด เขาบอกว่าด้วยเหตุผลทางธุรกิจ เป็นการยากที่ตลาดจะดำเนินกิจการต่อไป และต้องการให้คุณแม่มารศรี ติลกมลกุลได้วางมือเพื่อพักผ่อน
“ผมบอกให้คุณแม่ปิดตลาดแห่งนี้มานานหลายปีแล้ว”
เชฟเจ็ตเปิดเผยให้วีโอเอฟังว่า ตลาดได้กำไรลดลงในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา ตัวเงินที่ได้มาเพียงพอแค่จุนเจือพนักงาน 30-40 คนที่ทำงานในตลาด เขาชี้ว่า “ถ้าธุรกิจไม่โต มันก็หดตัวลง และจะปล่อยให้หดตัวนาน ๆ แบบนี้ไม่ได้”
การตัดสินใจขายตึกได้เกิดขึ้นในช่วง 4-6 เดือนก่อนหน้านี้ แม้จะรู้สึกเศร้า แต่เขาก็รู้สึกโชคดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่สำคัญ
“ผมรู้สึกภาคภูมิใจในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ได้ทำมันสำเร็จและส่งต่อให้เรา ตลาดแห่งนี้สร้างทุกอย่างในชีวิตของผม”
“ไร้ความถูกปาก” คือที่มาของธุรกิจ
ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2515 ตลาดจีนในย่านไชน่าทาวน์ของเมืองแอลเอไม่มีเครื่องปรุง วัตถุดิบ เพื่อทำอาหารไทยที่รสชาติถูกปาก คุณปราโมทย์ ติลกมลกุล คุณพ่อของเชฟเจ็ต ติลา คือผู้ริเริ่มตลาดบางกอกมาร์เก็ต กล่าวถึงเหตุผลที่เปิดตลาดแห่งนี้ว่า
“คนไทยเราได้กินอาหารที่ถูกปากได้ ถ้าหากว่าผมไม่เริ่มขึ้นมา คนไทยในต่างแดนก็ไม่สามารถกินอาหารที่ถูกปากได้เลยแม้แต่นิดเดียว”
Bangkok Market
อย่างไรก็ดี คุณปราโมทย์เล่าว่าในช่วงปีแรกของการเริ่มธุรกิจนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรค
“ลำบากมาก...เช้ามาก็ไปซื้อของมาขาย...ช่วงนั้นเราก็ยังไม่สามารถ support ตัวเราเองได้...มีแต่เพื่อนแล้วก็แรงงานคนไทยที่มาช่วยเรา เราก็จ่ายเงินเดือน ส่วนตัวผมเองต้องออกไปหางานทำ”
เมื่อดำเนินกิจการไปได้ราว 3-4 ปีจากที่ต้องฝากให้คนรู้จักขนสินค้าอาหารไทยมาให้เวลาเดินทางมาประเทศสหรัฐฯ เช่น กะทิ เครื่องแกง และน้ำปลา คุณปราโมทย์ต้องขยายธุรกิจเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เติบโตขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มผู้ลี้ภัยและคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐฯ ซึ่งคนเหล่านี้มีพื้นฐานการกินอาหารที่รสชาติไม่แตกต่างจากคนไทย
คุณปราโมทย์กล่าวว่า “1976 refugee เริ่มเข้ามาในแคลิฟอร์เนียมาก...ซึ่งตอนนั้นเราก็เริ่ม support ตัวเราเองได้ เพราะว่า refugee จากเวียดนามเองก็ดี refugee จากกัมพูชาก็ดี refugee จากลาวก็ดี ทำให้เราบูมมากๆในช่วงนั้น”
รสชาติแบบแคลิฟอร์เนีย ดึงเชฟดัง ดันธุรกิจไกล
อีกทั้งในช่วงยุค 80 มีความเคลื่อนไหวทางด้านอุตสาหกรรมอาหารที่เรียกว่า “California Cuisine” กระแสการนำกลิ่นอายอาหารจากหลากหลายเชื้อชาติมาผสม หนึ่งในนั้นคืออาหารเอเชีย ทำให้เชฟชื่อดังจำนวนมากต่างมุ่งหน้ามาที่ตลาดบางกอกมาร์เก็ต สินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศไทยกลายเป็นสิ่งที่ต้องการอย่างมาก ไม่เพียงแต่ลูกค้าในรัฐแคลิฟอร์เนียเท่านั้น แต่คนไทยและคนเอเชียทั่วสหรัฐฯ ก็ต้องการสิ่งนี้เช่นกัน
คนไทยเราได้กินอาหารที่ถูกปากได้ ถ้าหากว่าผมไม่เริ่มขึ้นมา คนไทยในต่างแดนก็ไม่สามารถกินอาหารที่ถูกปากได้เลยแม้แต่นิดเดียว
คุณปราโมทย์บอกว่า “หลังจากนั้นผมก็ได้ทำ import ทุกอย่างมาจากเมืองไทย แล้วก็ส่งไปทุกรัฐ ส่งนิวยอร์ก ส่งชิคาโก ส่งหมด ผมเป็นคนแรกที่ริเริ่ม...อาจจะพูดได้ว่าเป็นตลาดแรกของในอเมริกาเลยก็ว่าได้”
จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ “ธุรกิจอาหารครบวงจร”
จากความสำเร็จของตลาดบางกอกมาร์เก็ต ทำให้ครอบครัวติลกมลกุลขยายธุรกิจ โดยเปิดร้านอาหารที่ชื่อ Royal Thai Cuisine 7 แห่ง เปิดคลังสินค้าใน 3 เมืองใหญ่ ที่เมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส และ เมืองลอสแอนเจลีส รวมถึงพัฒนาการเพาะปลูก ทำ “Farmer contract” กับหลายแห่ง ทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ เช่น ประเทศเม็กซิโก และสาธารณรัฐโดมินิกัน ผักผลไม้ที่ปลูกในช่วงนั้นยกตัวอย่างเช่น ขนุน เงาะ มะละกอ มะระ และ สมุนไพรไทยต่างๆ
SEE ALSO: 20 ปี 'ไทยทาวน์' ก้าวสำคัญที่เดิมพันอนาคตชุมชนไทยในลอส แอนเจลิส
เหตุจลาจลบังคับให้จับอาวุธ
ตลาดแห่งนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ยกตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2535 เกิดเหตุจลาจลในเมืองลอสแอนเจลีส ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจรวมถึงตลาดต่าง ๆ ถูกปล้น ทำลายและวางเพลิง ตลอดสามวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ในขณะที่ความรุนแรงเริ่มลุกลามจากพื้นที่ Koreatown ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดบางกอกมาร์เก็ตเริ่มคืบคลานเข้าใกล้ ทำให้ทุกคนในร้านต้องลุกขึ้นจับอาวุธปกป้องตลาดด้วยตนเอง
เชฟเจ็ต ติลา เล่าถึงประสบการณ์นี้ให้วีโอเอฟังว่า “เราเอากระสอบข้าวสารกั้นหน้าต่างทุกบาน ปิดทุกทางเข้าออก ใครมีปืนก็ให้เอามา ทุกคนอาศัยในร้าน 3 วันต่อเนื่อง เราอยู่กินในตลาดเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาบุกรุกหรือเผาตลาดของเรา”
Your browser doesn’t support HTML5
2 ทศวรรษ 'ไทยทาวน์' ก้าวสำคัญที่เดิมพันอนาคตชุมชนไทยในลอส แอนเจลิส
วัฏจักรของธุรกิจและการเปลี่ยนผ่าน
เมื่อเวลาผ่านไป ความนิยมของตลาดบางกอกมาร์เก็ตก็ลดลง ในความเห็นของคุณปราโมทย์ นี่คือผลจากการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น
“หลังจากนั้นชุมชนเวียดนามเองก็เริ่มที่จะตั้งต้นได้ อิมพอร์ตจากเมืองไทยเองเดียว...เพราะในขณะนั้นเวียดนามไม่สามารถจะอิมพอร์ตอะไรได้เลย ก็เริ่มที่จะมี competition สูงขึ้น”
นี่คือครั้งแรก ที่คนไทยได้ปักธงด้านอาหารลงบนแผ่นดินสหรัฐฯ นี่คือธุรกิจอาหาร (ไทย) แห่งแรกในประวัติศาสตร์อเมริกา
แต่ในมุมมองของทายาท เจ็ต ติลา กลับเห็นว่าการส่งผ่านธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นที่มีปัญหาคืออีกสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจไม่ได้ไปต่อ
“คนยุคก่อนไม่ได้ส่งต่อธุรกิจ ขาดความเชื่อใจคนรุ่นถัดไป ธุรกิจจะดำเนินต่อไม่ได้ เราจะใช้วิธีคิดอย่างปี 1960 มาบริหารในยุคปี 2000 ไม่ได้”
“ชุมชนคนไทย” คือผู้สร้างตลาดที่แท้จริง
สุดท้าย เชฟเจ็ตกล่าวว่า ตลาดแห่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะครอบครัวของเขา แต่นี่คือความสำเร็จที่มาจากชุมชนคนไทยที่เดินทางมายังอเมริกาในยุค 60
“ผมและครอบครัวของผมอยากจะขอบคุณชุมชนคนไทยที่คอยสนับสนุนเรามาโดยตลอด...เพราะพวกเขา ทำให้มีเรา ทั้งคุณและผมในวันนี้ ชุมชนคนไทยในสหรัฐฯ จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าปราศจากกลุ่มคนไทยที่เดินทางมาในยุค 1966 ”
การปิดตัวลงของตลาดบางกอกมาร์เก็ต แม้จะเป็นไปตามวัฏจักรของธุรกิจ แต่สิ่งที่ เจ็ต ติลา อยากให้เราภาคภูมิใจและจดจำไว้ตลอดไปก็คือ
“นี่คือครั้งแรก ที่คนไทยได้ปักธงด้านอาหารลงบนแผ่นดินสหรัฐฯ นี่คือธุรกิจอาหาร (ไทย) แห่งแรกในประวัติศาสตร์อเมริกา”