การลักลอบค้ามนุษย์ส่วนใหญ่ในออสเตรเลีย เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำผู้หญิงจากทั่วเอเชีย

นักรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนและเจ้าหน้าที่ออสเตรเลียกล่าวว่า การลักลอบค้ามนุษย์ส่วนใหญ่ในออสเตรเลีย เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำผู้หญิงจากทั่วเอเชีย และจากหลายส่วนของยุโรปตะวันออกผู้ถูกซื้อมาทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่การค้าประเวณีไปจนถึงเกษตรกรรม หลายคนมาจากประเทศไทย ไต้หวัน และเกาหลีใต้

มีนักค้ามนุษย์เพียงไม่กี่คนที่ถูกพิจารณาตัดสินว่ามีความผิดในออสเตรเลีย แม้เจ้าหน้าที่ระดับสูงจะยืนยันว่า กำลังเริ่มชนะการต่อสู้ปราบปรามเรื่องนี้ก็ตาม

ผู้หญิงที่ถูกซื้อขายกล่าวว่า พวกเธอลังเลที่จะไปหาตำรวจเพราะหวั่นกลัวว่าจะถูกขับออกจากประเทศ หรือเนื่องจากการคุกคามจะทำอันตรายต่อคนในครอบครัว

ตั้งแต่ปี 2546 หน่วยงานพิเศษของทางการออสเตรเลียดำเนินการสอบสวนการลักลอบค้ามนุษย์มากกว่า 300 ราย และพบว่า ผู้หญิงราว 150 คนกำลังทำงานเยี่ยงทาสประเวณี

การสอบสวนล่าสุด 2 ราย ระบุว่า มีความเกี่ยวโยงระหว่างซ่องโสเภณีในนครซิดนีย์และนครเมลเบอร์น กับกลุ่มนักค้ามนุษย์ระหว่างประเทศ

เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียกล่าวว่า แก๊งค์อาชญากรรมที่ทำงานเป็นระบบ ล่อลวงผู้หญิงเอเชียไปยังออสเตรเลีย โดยสัญญาว่าจะได้เข้าเรียนตามวิทยาลัย แต่ผู้หญิงเหล่านั้นถูกบังคับให้ทำงานในซ่องโสภณี ซึ่งเป็นสถานที่ถูกกฏหมายในหลายส่วนของออสเตรเลีย ผู้หญิงบางคนถูกบังคับให้ร่วมประเวณีกับผู้ชายหลายร้อยคน เพื่อใช้หนี้แก่นักค้ามนุษย์ รวมทั้งค่าโดยสารเครื่องบิน และค่าที่พักอาศัย

Christ McDevitt ผู้บังคับการหน่วยปราบปรามการค้ามนุษย์สำนักงานตำรวจของออสเตรเลีย กล่าวว่า ลูกค้าที่ไปเที่ยวใช้บริการที่ซ่องโสเภณีทั้งที่ทราบว่าผู้หญิงถูกบังคับหรือขู่เข็ญให้ทำงานจะถูกจับด้วย

นักรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนเชื่อว่า การค้ามนุษย์หลายรายที่ทางการตำรวจสอบสวนอยู่ ไม่ได้สะท้อนให้เห็นขอบข่ายของปัญหาอย่างเต็มที่ ไม่มีข้อมูลข่าวสารที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับผู้ที่ถูกลักลอบค้าและนำตัวเข้าออสเตรเลียในแต่ละปี แม้จะมีการประมาณกันว่า อาจเป็นปีละราว 1,000 คน

การค้ามนุษย์ไม่ได้จำกัดอยู่ในอุตสาหกรรมการค้าประเวณีเท่านั้น เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียกล่าวว่า การค้ามนุษย์เป็นธุรกิจหลายพันล้านดอลลาร์ทั่วโลก เป็นรองก็แต่เพียงการค้ายาเสพติดและอาวุธผิดกฏหมายเท่านั้น