คราบน้ำมันที่รั่วไหลลงอ่าวเม็กซิโก ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการประมงรัฐ Louisiana อย่างน่าเป็นห่วง

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่คราบน้ำมันปริมาณมหาศาล รั่วไหลลงในอ่าวเม็กซิโก และลอยติดอยู่ตามชายฝั่งรัฐ Louisiana ในสหรัฐ ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการประมงรัฐ Louisiana อย่างน่าเป็นห่วง

ธุรกิจการประมงในรัฐ Louisiana นั้น มีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลล่าร์ต่อปี และในช่วงเดือนนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ สำหรับการประมงเลยก็ว่าได้

คุณ Pete Gerica ชาวประมงรัฐ Louisiana บอกว่าเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่ดีต่อธุรกิจประมงเอาเสียเลย เพราะปกติช่วงนี้ของปีเป็นช่วงที่กุ้งและปูกำลังวางไข่ แต่น้ำมันเหล่านั้นจะส่งผลให้ปริมาณกุ้งและปูในเขตทะเลบริเวณนั้นลดลงในอนาคต และเหตุการณ์นี้ยังส่งผลกระทบต่อฤดูการวางไข่ของปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ซึ่งเป็นพันธ์ปลาที่มีราคาดีในตลาด ตลอดจนปลาเทร้าท์และปลา snapper หรือปลากระพงด้วย

นอกจากผลกระทบโดยตรงต่อการวางไข่ของสัตว์น้ำเหล่านี้แล้ว ศาสตราจารย์ Ed Chesney แห่งมหาวิทยาลัย Louisiana ยังกังวลว่าน้ำมันอาจปนเปื้อนในอาหารต่างๆ หรือแหล่งที่อยู่ของสัตว์น้ำและระบบนิเวศน์ในบริเวณนั้นอีกด้วย

ศาสตราจารย์ Chesney ยังระบุด้วยว่า ผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ที่ว่านั้นอาจคงอยู่เป็นปีปี และว่าน้ำมันอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อธุรกิจการประมงได้ แม้จะไม่ได้ฆ่าหรือเป็นพิษต่อสัตว์น้ำโดยตรง

ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์น้ำผู้นี้ชี้ว่า แม้สัตว์น้ำต่างๆจะไม่ได้รับสารพิษนั้น แต่คงไม่มีใครอยากทานกุ้งหรือหอยนางรมที่มีกลิ่นหรือรสชาดเหมือนน้ำมันแน่ๆ

อย่างไรก็ตาม คุณ Pete Gerica ชาวประมงรัฐ Louisiana เชื่อว่า ธุรกิจการประมงจะเสียหายแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าผู้บริโภคจะลบภาพคราบน้ำมันที่ติดอยู่ตามสัตว์น้ำออกจากสมองของพวกเขาได้รวดเร็วแค่ไหน เพราะแม้แต่ผู้บริโภคที่อยู่ไกลออกไปก็ยังอาจกังวลได้อยู่ ว่าสัตว์น้ำที่จับขึ้นมาจากอ่าวเม็กซิโกอาจมีคราบน้ำมันปนเปื้อนมาด้วย ดังเช่นเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำมิสซิสซิบปี้เมื่อราว 30 ปีที่แล้ว

ชาวประมงผู้นี้จำได้ว่า เหตุการณ์ครั้งนั้น แม้จะไม่มีสัตว์น้ำปนเปื้อนหรือเป็นอันตรายจากสารเคมี นอกจากในบริเวณที่เกิดเหตุ แต่ก็ต้องใช้เวลาถึง 6 เดือนกว่าที่จะลบภาพอาหารทะเลปนเปื้อนออกจากความคิดของผู้บริโภคได้

ทางด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลลงทะเลครั้งนี้ที่มีต่อธุรกิจประมง จะรุนแรงแค่ไหน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับทิศทางลมและคลื่นจะพัดพาคราบน้ำมันไปที่ใด และที่สำคัญคือการควบคุมบ่อน้ำมันที่รั่วนั้นจะทำได้ดีและรวดเร็วแค่ไหน