ผลการวิจัยล่าสุด ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลางสหรัฐ พบว่า อากาศที่สะอาดขึ้นในสหรัฐฯ ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้ชาวอเมริกันมีอายุเฉลี่ยยืนยาวขึ้นเกือบ 5 เดือน
ผู้วิจัยบอกว่านี่เป็นการศึกษาครั้งแรกที่แสดงให้เห็นว่ามลภาวะทางอากาศที่ลดลงสามารถทำให้ชีวิตมนุษย์ยืนยาวขึ้นได้
นักวิจัยจาก "บริกแฮม ยัง ยูนิเวอร์ซิตี" และ "ฮาร์วาร์ด สคูล ออฟ พับลิก เฮลท์" รายงานในวารสารการแพทย์นิว อิงแลนด์ ว่าอายุขัยโดยเฉลี่ยของชาวอเมริกันในช่วงปี พ.ศ. 2521-2544 อยู่ที่ 77 ปี เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้เกือบ 3 ปี
อายุที่ยืนขึ้นนี้เกิดมาจากหลายปัจจัย และหนึ่งในนั้นก็คืออากาศที่บริสุทธิ์ขึ้น นักวิจัย บอกว่า เฉพาะปัจจัยนี้เพียงอย่างเดียว ก็ทำให้คนอเมริกันมีอายุขัยยืนขึ้น 4.8 เดือน
นักวิจัยนั้นใช้ข้อมูลของรัฐบาล เฝ้าติดตามระดับมลภาวะทางอากาศใน 51 เมืองเป็นเวลานานกว่า 20 ปี โดยนำการเปลี่ยนแปลงของมลภาวะ มาเปรียบเทียบกับอายุเฉลี่ยของประชากร ซึ่งคำนวนจากสถิติการตาย และข้อมูลจากการสำรวจสำมะโนครัว พบว่า โดยเฉลี่ยแล้วระดับของฝุ่นละออง ที่เป็นมลภาวะในอากาศลดลงจาก 21 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ลงมาเหลือ 14 ไมโครกรัมต่อลูกบาศ์กเมตร ขณะเดียวกัน อายุเฉลี่ยของชาวอเมริกันก็เพิ่มขึ้นประมาณ 2 ปี 7 เดือน
คุณซี อาร์เดน โป๊ปที่ 3 นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัย Brigham Young ซึ่งเป็นหัวหน้านักวิจัย ระบุว่า อายุเฉลี่ยของประชาชนจะสูงขึ้นตามการลดลงของมลพิษทางอากาศในชุมชนนั้น พูดง่ายๆ คือยิ่งอากาศสะอาดมากขึ้นเท่าใด อายุคนก็จะยิ่งยืนขึ้นเท่านั้น
นครพิตสเบิร์ต บัฟฟาโล และนิวยอร์ค เป็นสามเมืองที่มีคุณภาพอากาศดีขึ้นมากที่สุด ซึ่งอายุเฉลี่ยของประชากรเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เดือน ส่วนที่นครลอสแอนเจลิส อินเดียนาโพลิส และเซนต์ หลุยส์ อยู่ในกลุ่มเมืองที่อายุไขเฉลี่ยของประชากรเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เดือน
เมื่อปีที่แล้ว นักวิจัยของรัฐบาลสหรัฐ รายงานว่า ชาวอเมริกันมีอายุขัยเฉลี่ยเกิน 78 ปีเป็นครั้งแรก ที่เป็นเช่นนี้นักวิจัยเชื่อว่า คนอเมริกันเสียชีวิตจากสาเหตุร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง อุบัติเหตุ และเบาหวาน น้อยลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือส่วนหนึ่งใน 15 สาเหตุที่ทำให้คนอเมริกันเสียชีวิตมากที่สุด