ปัจจุบัน ชาวเกาหลีใต้ หันมานิยมบริโภคเนื้อวัวจากสหรัฐกันอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อปีที่แล้ว ชาวเกาหลีใต้เดินขบวนครั้งใหญ่ตามท้องถนนในกรุงโซล เพื่อประท้วงรัฐบาลที่ยกเลิกกฏหมายห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ

ชาวเกาหลีแสดงความไม่พอใจ ด้วยเชื่อว่าเนื้อวัวเหล่านั้นปนเปื้อนเชื้อโรควัวบ้า การบริโภคเนื้อวัวจากสหรัฐในเกาหลีใต้ จึงลดลงตามลำดับ แต่ขณะนี้ชาวเกาหลีหันกลับมานิยมบริโภคเนื้อวัวจากสหรัฐอีกครั้งหนึ่ง

ผู้ที่ติดตามข่าวต่างประเทศ คงพอจะจำกันได้ว่าเมื่อช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว ชาวเกาหลีใต้หลายหมื่นคน พากันเดินขบวน และก่อความรุนแรงตามท้องถนนในกรุงโซล เพื่อประท้วงรัฐบาลที่ยกเลิกกฏหมายห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ

กระแสข่าวลือที่แพร่สะพัดทางอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้ประท้วงเชื่อว่า เกาหลีใต้เป็นแหล่งระบายเนื้อวัวจากสหรัฐ ที่ปนเปื้อนเชื้อโรควัวบ้า ความหวั่นวิตกในครั้งนั้น ส่งผลให้การบริโภคเนื้อวัวจากสหรัฐลดลงตามลำดับ

การประท้วงได้ยุติลงเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทุกสิ่งกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และจนถึงขณะนี้ ทัศนคติของชาวเกาหลีที่มีต่อเนื้อวัวจากสหรัฐก็เปลี่ยนแปลงไปมาก ครับ

ผู้จัดการร้าน “A-Meat” ร้านขายเนื้อที่ขายเฉพาะเนื้อวัวนำเข้าจากสหรัฐฯ บอกว่า ธุรกิจกำลังรุ่งเรืองมาก สาขาที่มีอยู่ 120 แห่ง แต่ละแห่งขายเนื้อได้วันละ 10 ตัน เนื้อที่ผู้บริโภคชาวเกาหลีชื่นชอบ คือบริเวณซี่โครงไม่ติดกระดูก

คนชำแหละเนื้อท่านนี้ บอกว่า คนจำนวนมากถามเธอเกี่ยวกับเนื้อ แต่ไม่มีซักคนที่ถามถึงโรควัวบ้า

ก่อนถึงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ซูเปอร์มาร์เกตจำนวนมากทั่วเกาหลีใต้ พากันขายสินค้าพิเศษเพื่อเป็นของขวัญ นั่นก็คือ อเมริกัน สเตค เหตุผลที่เนื้อวัวจากสหรัฐฯ กลับมาเป็นที่นิยมก็คือราคานั่นเอง เช่น เนื้อสันในที่นำเข้าจากสหรัฐ จะมีราคาถูกกว่าเนื้อชนิดเดียวกันของเกาหลีถึง 70 %

แม่บ้านท่านนี้ บอกว่า เนื้อวัวจากอเมริกาถูกกว่าเนื้อจากที่อื่นๆ และรสชาติก็ไม่ได้แตกต่างกันด้วย

แม้การประท้วงเนื้อวัวนำเข้าจากสหรัฐฯ ได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว แต่ผลกระทบก็ยังหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน นักข่าวในเกาหลี บอกว่า การประท้วงทำให้ภาพลักษณ์ของเกาหลีใต้ในต่างประเทศต้องมัวหมอง

คุณชิม แจ ฮุน นักหนังสือพิมพ์ที่มีประสบการณ์สูง กล่าวว่า โดยพื้นฐานแล้วเกาหลีใต้เป็นประเทศค้าขาย รายได้ของประเทศถึง 1 ใน 3 มาจากการส่งออก การประท้วงทำให้ทั่วโลกเชื่อว่า เกาหลีใต้มุ่งแต่จะขายสินค้า โดยไม่ซื้อจากประเทศอื่นๆ

คุณชิม เชื่อว่า ฝ่ายตรงข้ามของประธานาธิบดีลี มยอง บัคและสื่อมวลชนฝ่ายซ้าย เป็นผู้จัดการประท้วงขึ้น และหลังจากที่รัฐบาลดำเนินการสอบสวนบทบาทของบริษัทด้านสื่อต่อกรณีนี้ การต่อต้านนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ ก็จางหายไป

แม้เรื่องนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ประธานาธิบดีลี มยอง บัค ก็ยังมีอีกหลายปัญหารออยู่เบื้องหน้า เมื่อต้นเดือนนี้ นักการเมืองฝ่ายค้านพยายามขัดขวางการผ่านร่างกฏหมายข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐฯ จนมีเรื่องชกต่อยกับสส.ฝ่ายรัฐบาลกลางห้องประชุมสภา ความวุ่นวายครั้งนั้น ทำให้ต้องพักร่างกฏหมายนี้ไว้จนถึงปลายปี