รัสเซีย แนะปชช.ในเคอร์ซอน หนีไป! หวั่นการสู้รบยกระดับเกินควบคุม

Russia Ukraine War

รัสเซียระดมโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนในมิโคลาอิฟ เมื่อวันอาทิตย์ เข้าทำลายย่านที่พักอาศัยที่อยู่ใกล้แนวหน้าการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะที่รัสเซียสั่งอพยพประชาชนในเคอร์ซอน “เพื่อรักษาชีวิต” หวั่นสงครามยกระดับยากเกินควบคุม ตามรายงานของรอยเตอร์

รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เซอร์เก ชอยกู ซึ่งชาวรัสเซียแนวคิดชาตินิยมส่วนหนึ่งกล่าวหาว่าเขาเป็นผู้ทำให้รัสเซียล่าถอยในสงครามยูเครน หารือทางโทรศัพท์กับฝรั่งเศส อังกฤษ และตุรกี ถึง “สถานการณ์ที่เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว” ในยูเครน นอกจากนี้ รัฐมนตรีชอยกู ยังได้ต่อสายพูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 วันมานี้ด้วย แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของการหารือจากทั้ง 2 ฝ่ายออกมา

รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย กล่าวโดยปราศจากหลักฐานเพิ่มเติมว่า ยูเครนอาจยกระดับการสู้รบด้วยการใช้ “ระเบิดกัมมันตรังสี” (dirty bomb) เนื่องจากยูเครนไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง ขณะที่รัสเซียเคยระบุว่าอาจใช้หัวรบนิวเคลียร์เพื่อปกป้องดินแดนของรัสเซีย

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ดมิโทร คูเลบา ปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย โดยบอกว่า “คำโกหกของรัสเซียเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องแผนการใช้ “ระเบิดกัมมันตรังสี” เป็นเรื่องไร้สาระ เพราะสิ่งนี้เป็นอาวุธที่อันตราย” และว่า “รัสเซียมักกล่าวหาฝ่ายอื่นในสิ่งที่พวกเขากำลังวางแผนกระทำอยู่”

ส่วนประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า มีเพียงรัสเซียเท่านั้นที่สามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยุโรปได้ พร้อมวิจารณ์ท่าทีของรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ที่กล่าวหายูเครนระหว่างการหารือทางโทรศัพท์กับบรรดาชาติตะวันตกเมื่อค่ำวันเสาร์ด้วยว่า “ถ้าใครก็ตามสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ในพื้นที่นี้ของยุโรปได้ – คงจะมีแค่เพียงคนเดียว – คนเดียวที่สามารถสั่งการสหายชอยกูให้ต่อสายพูดคุยกับฝ่ายต่าง ๆ ได้” พร้อมกับบอกว่าสารพัดการต่อสายตรงของรมต.ชอยกู ยิ่งทำให้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า “ทุกฝ่ายเข้าใจแล้วว่าใครคือผู้ที่เป็นต้นตอของเรื่องสกปรกที่เกิดขึ้นในสงครามนี้”

สำหรับสถานการณ์ในวันอาทิตย์ รัสเซียยิงขีปนาวุธ S-300 ถล่มชั้นบนของอพาร์ตเมนต์ในมิโคลาอิฟ แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่ยูเครนทำลายโดรนกามิกาเซ่ 14 ลำในช่วงค่ำวันเสาร์ ซึ่งโดรนเหล่านี้มีเป้าหมายทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในยูเครน

เมืองมิโคลาอิฟ อยู่ห่างจากแนวหน้าการสู้รบราว 35 กิโลเมตรในเคอร์ซอน ทางตอนใต้ของยูเครน ที่รัสเซียเพิ่งสั่งอพยพประชาชน 60,000 ชีวิต โดยบอกว่าเป็นการอพยพเพื่อรักษาชีวิตของประชาชนในพื้นที่จากการโจมตีโต้กลับของยูเครน

การอพยพในเคอร์ซอน

กองทัพรัสเซียสั่งถอนทัพบริเวณแนวหน้าบางส่วนในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ และสั่งอพยพประชาชนในเขตปกครองเคอร์ซอนพื้นที่ที่รัสเซียผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่ง โดยรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการของรัสเซีย เซอร์เก คราฟต์ซอฟ กล่าวถึงการอพยพครั้งนี้ว่า "สถานการณ์วันนี้ยากลำบากยิ่ง การรักษาชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ" และว่า "สถานการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นยาวนานนัก ทุกคนจะได้กลับมาอย่างแน่นอน"

การอพยพเป็นไปอย่างยากลำบากในวันอาทิตย์ โดยมีรายงานการขาดแคลนเรือขนส่ง ซึ่งรัสเซียอ้างว่ามาจาก "ความต้องการอพยพออกจากพื้นที่ของประชาชนจำนวนมาก" โดยสื่ออินเตอร์แฟกซ์ ระบุว่า มีผู้คนในเคอร์ซอนอพยพไปราว 25,000 คนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่รอยเตอร์ไม่สามารถยืนยันในประเด็นดังกล่าวได้

ทั้งนี้ สงครามยูเครนจะเข้าสู่เดือนที่ 9 และหน้าหนาวกำลังคืบคลานเข้ามา กองกำลังยูเครนเดินหน้ากดดันกองทัพรัสเซียที่ยึดพื้นที่ในเขตปกครองเคอร์ซอน ขณะที่รัสเซียเดินหน้าโจมตีระบบโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน โดยทำลายโรงไฟฟ้าไปราว 40% ของยูเครน ส่งผลให้ประชาชนยูเครนกว่า 1 ล้านชีวิตไม่มีไฟฟ้าใช้

อีกด้านในวันอาทิตย์ เครื่องบินกองทัพรัสเซียตกในย่านที่พักอาศัยในเมืองเอียร์คุตสก์ ทางตะวันออกของรัสเซีย คร่าชีวิตนักบิน 2 นาย นับเป็นอุบัติเหตุครั้งที่ 2 ของเครื่องบินรบรัสเซียในรอบสัปดาห์นี้

  • ที่มา: รอยเตอร์