เชอริล แซนด์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ หรือ Chief Operating Officer (COO) ของ เมตา แพลตฟอร์มส (Meta Platforms) บริษัทแม่ของ เฟซบุ๊ก (Facebook) ประกาศลาออกจากตำแหน่งในวันพุธ หลังจากอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่รายนี้ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา
แซนด์เบิร์ก ประกาศข่าวการลาออกทางหน้าเฟซบุ๊กของเธอ โดยระบุว่า "เมื่อตอนเข้ารับตำแหน่งนี้เมื่อปี 2008 ฉันคิดว่าจะทำหน้าที่นี้ไปอีก 5 ปีเท่านั้น จนกระทั่งล่วงเลยมา 14 ปี ซึ่งฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะเขียนเรื่องราวชีวิตบทต่อไป"
การลาออกของซีโอโอหญิงวัย 52 ปีซึ่งถือเป็นเบอร์สองของเมตา รองจากซีอีโอ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เกิดขึ้นในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีแห่งนี้กำลังปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ทางธุรกิจไปมุ่งเน้นที่การผลิตฮาร์ดแวร์ และการพัฒนา เมตาเวิร์ส (metaverse)
โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง และข่าวอื้อฉาวมากมายเกี่ยวกับบริษัท ตั้งแต่การเปลี่ยนชื่อจากเฟซบุ๊ก เป็นเมตา ข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ การกระจายข่าวลือและข่าวปลอมในสื่อสังคมออนไลน์ ตลอดจนการเติบโตของจำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชะลอตัวลงอย่างมาก
ข่าวการลาออกของแซนด์เบิร์กส่งผลให้ราคาหุ้นของเฟซบุ๊กร่วงลงไป 4% ในช่วงก่อนเปิดตลาดในวันพฤหัสบดี ก่อนที่จะกลับมาเพิ่มสูงขึ้น 5% ในการซื้อขายระหว่างวันจนปิดตลาด
FILE PHOTO: Sheryl Sandberg, chief operating officer of Facebook, listens to a speeches during a visit in Paris
ผู้บริหารหญิงคนสำคัญแห่งซิลิคอน แวลลีย์
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ดึงตัวเชอริล แซนด์เบิร์ก มาจากกูเกิล (Google) เพื่อให้รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของบริษัทเฟซบุ๊กที่เขาเป็นผู้ก่อตั้ง โดยเธอรับหน้าที่ออกแบบโมเดลธุรกิจของเฟซบุ๊กที่เน้นการขายโฆษณา ซึ่งมักถูกวิจารณ์อยู่เสมอในเวลาต่อมา
แซนด์เบิร์กเปลี่ยนเฟซบุ๊กจากบริษัทสตาร์ทอัพให้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเทคโนโลยี จากบริษัทที่ขาดทุนหลายสิบล้านดอลลาร์ต่อปี เป็นบริษัทที่มีผลกำไรมหาศาล โดยเมื่อปีที่แล้ว เมตามีรายได้รวม 118,000 ล้านดอลลาร์ และผลกำไรเกือบ 40,000 ล้านดอลลาร์
แซนด์เบิร์กยังแสดงจุดยืนที่ชัดเจนเรื่องสิทธิสตรีและความเท่าเทียมของผู้หญิงในบริษัทขนาดใหญ่ต่าง ๆ โดยเธอกล่าวกับรอยเตอร์ว่า หลังจากลาออกแล้ว เธอจะมุ่งเน้นที่งานการกุศลเพื่อสนับสนุนสิทธิสตรีในช่วงเวลาสำคัญของผู้หญิงทั่วโลก
Sheryl Sandberg, "Lean In:Women, Work and the Will to Lead" Book
ที่ผ่านมา ซีโอโอหญิงผู้นี้ได้ออกมาปกป้องเฟซบุ๊กจากกรณีอื้อฉาวมากมาย ตั้งแต่การทำข้อตกลงยอมความกับคณะกรรมาธิการการค้าสหรัฐฯ เมื่อปี ค.ศ.2011 เรื่องการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เหตุการณ์ที่บริษัท Cambridge Analytica นำข้อมูลของผู้ใช้เฟซบุ๊กหลายล้านคนไปใช้ในการทำโฆษณาแบบเจาะเป้าหมายเฉพาะกลุ่มในช่วงเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อปี 2018 และการที่เฟซบุ๊กถูกกล่าวหาจากเจ้าหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ว่า มีส่วนในการเผยแพร่เนื้อหาที่ทำให้เกิดความเกลียดชังด้านเชื้อชาติต่อชาวมุสลิมโรฮีนจาในเมียนมาเมื่อปี 2018
รวมถึงเหตุการณ์ที่อดีตพนักงานของเฟซบุ๊ก ฟรานเชส ฮอแกน ได้ออกมากล่าวหาอดีตนายจ้างว่า ให้ความสำคัญต่อผลกำไรของบริษัทมากกว่าการปรามปรามข่าวปลอมและเนื้อหาที่ทำให้เกิดความเกลียดชังทางอินเทอร์เน็ตอย่างจริงจัง
นอกจากบทบาทในด้านการบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีแล้ว แซนด์เบิร์ก ซึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยังเขียนหนังสือขายดีหลายเล่ม รวมถึงหนังสือว่าด้วยสิทธิสตรีชื่อว่า "Lean In: Women, Work, and the Will to Lead" ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2013
ใครคือ COO คนต่อไป?
สำหรับ Chief Operating Officer (COO) ของ เมตา แพลตฟอร์มส คนใหม่ที่จะมาแทนแซนด์เบิร์ก คือ ฮาเวียร์ โอลิวาน ซึ่งทำงานกับบริษัทนี้มา 15 ปี ปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ดูแลการเติบโต หรือ chief growth officer (CGO) และอยู่เบื้องหลังการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดดของผู้ใช้เฟซบุ๊กในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
โอลิวาน วัย 44 ปี เป็นชาวสเปนโดยกำเนิด จบการศึกษาระดับปริญญาโท วิชาบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มีพื้นฐานด้านวิศวกรรมศาสตร์จากการทำงานกับบริษัท Siemens และบริษัท NTT ของญี่ปุ่น ก่อนที่จะมาร่วมกับเฟซบุ๊กเมื่อปี 2007 ซึ่งในขณะนั้น เฟซบุ๊กมีสมาชิกผู้ใช้เพียง 40 ล้านคน ก่อนที่จะเติบโตเป็นเกือบ 3,600 ล้านคนในปัจจุบัน
Seen on the screen of a device in Sausalito, Calif., Facebook CEO Mark Zuckerberg announces their new name, Meta, during a virtual event on Oct. 28, 2021.
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของ COO คนใหม่ คือ การเติบโตที่ช้าลงและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการเปลี่ยนผ่านจากสื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ไปเป็นเครือข่ายเมตาเวิร์สอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งโอลิวานจะต้องสานต่อสิ่งที่แซนด์เบิร์กได้ทำไว้
แต่สิ่งหนึ่งที่อาจแตกต่างกันระหว่างผู้บริหารสองคนนี้ตามที่ซัคเคอร์เบิร์กระบุไว้ คือ การที่โอลิวานจะยังคงเน้นทำงานอยู่ในฉากหลังเป็นหลักเหมือนที่เป็นมา ซึ่งต่างจากแซนด์เบิร์กที่พร้อมปรากฏตัวต่อสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ เขียนหนังสือ และเป็นตัวแทนของเฟซบุ๊กในงานสังคมต่าง ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
- ที่มา: รอยเตอร์