ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันเพื่อลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 ลงสนามโต้อภิปรายรอบแรกเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาที่เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน โดยที่ไม่มีอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าร่วมการดีเบตครั้งนี้
การดีเบตครั้งแรกของผู้ลงสมัครจากพรรครีพับลิกัน 8 คนใช้เวลาราวสองชั่วโมง ซึ่งเต็มไปด้วยการแลกเปลี่ยนคารมและความคิดเห็นในหลายประเด็น รวมทั้งเรื่องของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ที่ไม่ได้อยู่ในการโต้อภิปรายครั้งแรกนี้ด้วย โดยผู้ดำเนินรายการเรียกว่าเป็น "the elephant who is not in the room" หรือ "ช้างที่ไม่อยู่ในห้อง" ซึ่งเปรียบเปรยว่า หากทรัมป์อยู่ที่นี่ ผู้สมัครคนอื่นก็คงจะเกิดความอีดอัดที่จะแสดงความคิดเห็นของพวกเขาอย่างเต็มที่
ผู้สมัครบางคน เช่น อดีตรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ และอดีตผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ คริส คริสตี กล่าวว่า ทรัมป์ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งเนื่องจากสิ่งที่เขาทำซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่เคารพต่อรัฐธรรมนูญ รวมถึงข้อหาต่าง ๆ ที่ทรัมป์กำลังเผชิญรวมทั้งหมด 91 กระทง
ไมค์ เพนซ์ กล่าวต่อผู้ชมการดีเบตครั้งนี้ว่า ประชาชนอเมริกันจำเป็นต้องรับรู้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์ขอให้ตนทำให้สิ่งที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ คือไม่เข้าร่วมทำหน้าที่ดูแลกระบวนการรับรองชัยชนะของโจ ไบเดน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2020
ขณะที่อดีตผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไลนา นิกกี เฮลลีย์ กล่าวว่า "ทรัมป์คือนักการเมืองที่คนอเมริกันไม่ชอบมากที่สุด ซึ่งจะทำให้เราไม่สามารถชนะการเลือกตั้งได้"
อย่างไรก็ตาม นักธุรกิจจากรัฐโอไฮโอ วิเวก รามาชวามี หนึ่งในผู้สมัตรที่เข้าร่วมการดีเบตและกำลังมีคะแนนนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ เลือกยืนข้างทรัมป์โดยบอกว่าทรัมป์คือ "ประธานาธิบดีที่ดีที่สุดในศตวรรษที่ 21"
ส่วนผู้สมัครคนอื่นกล่าวถึงการดำเนินคดีต่อทรัมป์ว่าเป็นอาวุธทางการเมืองที่รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน นำมาใช้ผ่านกระทรวงยุติธรรม เช่น ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา รอน เดอซานทิส ที่กล่าวว่า "การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ (บุกรุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ) เมื่อวันที่ 6 มกราคม เราต้องเน้นไปที่อนาคต มองไปข้างหน้า"
มีเพียงผู้สมัคร 2 คนจาก 8 คน คือ คริส คริสตี และอดีตผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอ อาซา ฮัตชินสัน ที่ยืนยันว่าจะไม่สนับสนุนทรัมป์หากเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดและยังคงได้รับเลือกเป็นผู้แทนของพรรครีพับลิกัน
ผลการสำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศ ชี้ให้เห็นว่า ขณะนี้ทรัมป์ยังคงมีคะแนนนิยมนำหน้าผู้สมัครคนอื่น ๆ อย่างน้อย 40% และมีเดอซานทิสตามมาที่สอง โดยผู้มัครที่เหลือนั้นล้วนได้คะแนนนิยมต่ำกว่า 10%
สงครามยูเครน และอิทธิพลของจีน
ในการดีเบตครั้งนี้นอกจากประเด็นที่เกี่ยวกับทรัมป์แล้ว ผู้สมัครยังได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องสงครามยูเครนและอิทธิพลของจีน โดย วิเวก รามาชวามี ตั้งคำถามต่อความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ที่ให้แก่ยูเครน และบอกว่าจีนคือภัยคุกคามสำคัญที่สุดต่อสหรัฐฯ มากกว่ารัสเซีย
ในขณะที่ นิกกี เฮลลีย์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ แสดงการสนับสนุนต่อยูเครนในการป้องกันตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย
และในช่วงหนึ่ง รามาชวามี วัย 38 ปี ซึ่งเป็นผู้สมัครอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม กล่าวว่า "ต้องอาศัยคนนอก" ในการสร้างวิสัยทัศน์เกี่ยวกับความสำคัญของการเป็นคนอเมริกัน ซึ่งไมค์ เพนซ์ ตอบกลับว่า "นี่ไม่ใช่เวลาของการทดลองงาน"
หลังการดีเบต เพนซ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า พลังงานและความกระฉับกระฉับกระเฉงของตนบนเวทีดีเบตรอบแรกนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
"ผมคือผู้นำคุณค่าความเป็นอนุรักษ์นิยมตั้งแต่สมัยรัฐบาลทรัมป์และเพนซ์ ผมรู้ดีว่าจะสู้อย่างไรและยินดีที่ได้นำพลังการต่อสู้นั้นมาใช้ในค่ำคืนนี้" เพนซ์กล่าว
ขณะที่คู่ต่อกรของเพนซ์ในการดีเบตที่เพิ่งผ่านพ้นไป คือ วิเวก รามาชวามี ซึ่งกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เพนซ์มุ่งโจมตีมาที่ตนเป็นหลัก
"ไมค์ เพนซ์ เล็งที่ตนโดยเน้นความแตกต่างด้านประสบการณ์ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีเพราะผมไม่คิดว่าประชาชนในประเทศนี้อยากจะย้อนกลับไปหาบุคคลที่ท่องจำคำขวัญที่มาจากยุค 1980" รามาชวามีกล่าว
ทุกคนมีค่ำคืนที่ดี
ฌอน สไปเซอร์ อดีตโฆษกทำเนียบขาวในสมัยรัฐบาลทรัมป์ ให้ความเห็นกับวีโอเอว่า รอน เดอซานทิส และนิกกี เฮลลีย์ มีค่ำคืนที่ดี ขณะที่รามาสวามีก็ "ต่อยได้หลายหมัด" แต่ต้องดูต่อไปว่า "นั่นเป็นยุทธวิธีที่ดี หรือเขามีท่าทีก้าวร้าวเกินไป?"
สไปเซอร์กล่าวด้วยว่า การดีเบตครั้งนี้ไม่มีผู้สมัครคนไหนมีค่ำคืนที่เลวร้าย
สำหรับการดีเบตรอบต่อไปของผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันจะมีขึ้นในเดือนหน้าที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อเฟ้นหาว่าสุดท้ายใครที่จะได้กลับไปยืนบนเวทีการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน ที่รัฐวิสคอนซินในเดือนกรกฎาคมปีหน้า ซึ่งจะเป็นเวทีประกาศชื่อตัวแทนพรรคในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024
- ที่มา: วีโอเอ