ถอดบทเรียน ที่จีนน่าจะได้รับจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน หากจีนบุกไต้หวัน

FILE - A Chinese J-10 fighter jet is being guided on the tarmac following a flight demonstration at China's 13th International Aviation and Aerospace Exhibition, in Zhuhai, in southern China's Guangdong province, Sept. 28, 2021.

นักวิเคราะห์หลายคนระบุว่า รัฐบาลจีนกำลังเรียนรู้กลยุทธ์ต่างๆ จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน พร้อมเตรียมตั้งรับมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจจากนานาชาติ หากว่าทางการจีนตัดสินใจยกทัพบุกไต้หวัน

อย่างไรก็ตามขณะนี้ จีนยังคงต้องการหลีกเหลี่ยงที่จะใช้มาตรการทางทหาร

ทั้งนี้ จีนนับว่าไต้หวันเป็นมณฑลที่แยกตัวออกไป จึงเกิดการคาดเดาว่าจีนอาจยึดคืนกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศให้เร็วที่สุด หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น จีนอาจเข้าโจมตีระบบการสื่อสารและพรรคการเมืองใหญ่ๆของไต้หวัน

แต่ เฉินยี่ฟ่าน อาจารย์ด้านการทูตและรัฐศาสตร์แห่ง Tamkang University ของไต้หวัน กล่าวกับวีโอเอว่า กรุงปักกิ่งต้องมีความพร้อมทางอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึง ปืนใหญ่ ขีปนาอาวุธ และต้องปลุกปั่นข่าวลือผ่านสื่อให้ได้ดีกว่านี้

ยกตัวอย่างจากกรณีเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่สามารถเห็นได้ชัดเห็นว่ารัสเซียเสียเปรียบทางสงคราม โดยวันในนั้น ยูเครนสามารถขับทหารรัสเซียที่เคยล้อมกรุงเคียฟไว้ออกไปได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน กองทัพรัสเซียประกาศว่าจะเข้ายึดสองแคว้นทางตะวันออกของประเทศยูเครนที่แยกตัวออกไป แทนที่จะเข้ายึดเมืองหลวงหรือพื้นที่อื่นของประเทศยูเครนแทน

ย้อนกลับไปก่อนเกิดสงคราม อดีตนายพันทหารของรัสเซียได้ออกมาเตือนผ่านสถาบัน Center for Strategic and International Studies ในสหรัฐฯ ถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับรัสเซียเพราะรัฐบาลเครมลินประเมินประสิทธิภาพการโจมตีทางทหารของตนเองสูงเกินไป แม้จะมีขีปนอาวุธและจำนวนกระสุนที่จำกัดก็ตาม

อย่างไรเสีย จีนนับว่าเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งทางทหารมากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก มากกว่าไต้หวันที่ติดอันดับอยู่แค่ 21 เท่านั้น

เจมส์ เจ คาราฟาโน่ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและนโยบายต่างประเทศของศูนย์ Heritage Foundation ในกรุงวอชิงตัน อธิบายว่า การเสียเปรียบของรัสเซียนั้นได้แสดงให้ทางการจีนเห็นว่า การโจมตีข้าศึกอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้

อเล็กซานเดอร์ หวัง ประธานของสถาบันวิจัยกลยุทธ์ทางการทหารแห่งไทเป ชี้ว่า การเปิดศึกของจีน ถ้าเกิดขึ้นจริง น่าจะพุ่งเป้าไปที่การทำให้อุปกรณ์ทางทหารของไต้หวันไม่สามารถใช้การได้และการยึดอำนาจจากผู้นำทางการเมืองต่างๆ ของไต้หวัน เพื่อให้ไม่มีใครเหลืออยู่ในไต้หวันเพื่อเป็น “ฮีโร่” ในการต่อกรกับรัฐบาลจีนเลย เพราะหากมองดูยูเครน การที่ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกียังปักหลักอยู่ในยูเครนทำให้ประเทศของเขาได้รับความช่วยเหลือทางการทหารและเงินจากประเทศอื่นๆอยู่

ทางด้าน เดเร็ด โกรสแมน นักวิเคราะห์อาวุโสด้านกลาโหมแห่ง RAND Corporation ในสหรัฐฯ กล่าวว่า ผู้นำในกองทัพจีนอาจจะพิจารณาโครงสร้างการบังคับบัญชาใหม่ เพราะหลายคนได้ตั้งคำถามว่า ผู้บัญชาการจีนในภาคสนามนั้นมีอำนาจตัดสินใจในการสั่งยิงมากแค่ไหน หรือการอนุมัติต่างๆ ต้องสั่งลงมาจากกรุงปักกิ่งก่อน

สำหรับการประณามจีนที่อาจเกิดขึ้นจากนานาชาติเมื่อมีการบุกไต้หวันนั้น ตงโจว ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสแห่ง ศูนย์ Tsinghua Center for Global Policy ที่กรุงปักกิ่ง กล่าวว่า รัฐบาลจีนมีแนวโน้มสูงที่จะปรับนโยบาย กลยุทธ์ให้สอดคล้องกับท่าทีของประเทศต่างๆ เพราะทางการจีนเองรู้สึกแปลกใจกับการลงโทษรัฐเซียที่รุนแรงของชาติตะวันตก เนื่องจากรัฐบาลจีนไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่ายูเครนจะได้รับการสนับสนุนมากเช่นนี้

โอริอนา สกายลาร์ มาสโตร แห่งศูนย์รัฐศาสตร์ของ Stanford University กล่าวเสริมว่า ทางการจีนได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจบางส่วนแล้ว ซึ่งคาดว่าจีนอาจจะถูกคว่ำบาตรประมาณ 3 ถึง 5 ปี

นอกจากนี้ โครงสร้างทางเศรษฐกิจจีนแตกต่างจากรัสเซียเพราะจีนเป็นประเทศที่ส่งออกมากที่สุดในโลกและจำต้องพึ่งพาประเทศอื่นเพื่อให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อไปได้

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เค่อเฉียง ได้เชิญชวนให้ไต้หวันปฏิญาณว่าจะเดินหน้าฟื้นฟูความสัมพันธ์และกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนอีกครั้ง โดยกล่าวว่า ควรเป็น “การเติบโตอย่างสันติ” และ อเล็กซานเดอร์ หวัง แห่งสถาบันวิจัยกลยุทธ์ทางการทหารแห่งไทเป ชี้ว่า เจ้าหน้าที่จีนอาจจะกำลังมองทางเลือกที่ไม่ใช่ทางทหารอย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อหาทางออกในเรื่องนี้