เมื่อวันพุธ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เผยแพร่แถลงการณ์ ระบุว่า คณะลูกขุนใหญ่ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตั้งข้อหาชายไทยวัย 41 ปี ด้วยข้อหาลักลอบขายสาร “คลอโรควินฟอสเฟต” ผิดกฎหมายให้ชาวอเมริกัน โดยอ้างเพื่อใช้รักษาโรคโควิด-19
บรูซ ดี แบรนเดลอร์ รักษาการอัยการเขตกลางของรัฐเพนซิลเวเนีย ระบุว่า ชายไทยที่มีชื่อตามแถลงการณ์ว่า Chinnapatr Chunhasomboon ขายสารคลอโรควินฟอสเฟตที่ไม่ได้รับการอนุมัติให้ลูกค้าทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐฯ อ้างเพื่อรักษาโรคโควิด-19 และโรคมาเลเรีย โดยเขาอำพรางพัสดุสารดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ตู้ปลาและเคสโทรศัพท์มือถือ นำไปรวมกับสิ่งของอื่นๆ เพื่อหลบหนีการตรวจสอบจากศุลกากรสหรัฐฯ
นาย Chinnapatr ยังรายงานมูลค่าพัสดุต่ำกว่าความเป็นจริง โดยเขารายงานว่าสินค้าดังกล่าวมีมูลค่าเพียง 10-12 ดอลลาร์ ในขณะที่ความจริงพัสดุดังกล่าวมีมูลค่าชิ้นละหลายร้อยดอลลาร์ โดยเขาถูกกล่าวหาว่าสามารถทำเงินได้หลายหมื่นดอลลาร์จากการลักลอบขายสารนี้
ทั้งนี้ องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA ไม่อนุมัติให้สารคลอโรควินฟอสเฟตเป็นสารรักษาโรคโควิด-19 โดยก่อนหน้านี้ มีการอนุมัติสารดังกล่าวเป็นกรณีฉุกเฉินภายใต้การควบคุมในโรงพยาบาลเท่านั้น โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ รายงานก่อนหน้านี้ว่า มีผู้รับประทานสารดังกล่าวสองคนเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 โดยหนึ่งในนั้นเสียชีวิต ส่วนอีกคนล้มป่วยอย่างรุนแรง
ชายไทยคนดังกล่าวถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงทางไปรษณีย์สองกระทง ข้อหาฉ้อโกงทางโทรคมนาคมสามกระทง จากการขายสารคลอโรควินฟอสเฟตให้ลูกค้าสี่คนในรัฐเพนซิลเวเนีย ข้อหาลักลอบนำเข้าสารดังกล่าวมายังสหรัฐฯ สองกระทง ข้อหานำยาที่ปลอมเครื่องหมายการข้าเข้ามายังตลาดสหรัฐฯ สองกระทง และข้อหานำยาชนิดใหม่ที่ไม่ได้รับการอนุมัติเข้ามายังตลาดสหรัฐฯ สองกระทง ข้อหากล่าวความเท็จต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสองกระทง
เเถลงการณ์ระบุว่าเขาปฏิเสธว่า เขาไม่ได้ขายสารดังกล่าวเพื่อรักษาโรคโควิด-19 หรือโรคมาลาเรีย
วีโอเอไทยได้ติดต่อไปยังกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เพื่อสอบถามถึงการเข้าถึงทนายของผู้หา แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ อย่างไรก็ตามเเถลงการณ์ของกระทรวงฯ กล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยจะได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีการตัดสินผ่านกระบวนการยุติธรรม
แม้ศาลจะยังไม่ตัดสินคดีของเขา แต่โดยทั่วไปแล้ว กฎหมายรัฐบาลกลางสหรัฐฯ กำหนดโทษสำหรับข้อหนักสูงสุดที่การจำคุก 20 ปี รวมถึงการรายงานตัวหลังได้รับการปล่อยตัว และโทษปรับ