ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ทำไมบรรดาผู้ค้าของเล่น จึงไม่ค่อยวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก?


แม้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะอยู่ในภาวะวิกฤติ แต่ตลาดของเล่นยังคงคึกคัก งานมหกรรมของเล่นนานาชาติ ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีที่นครนิวยอร์ค มีผู้ร่วมงานมากกว่า 1,200 รายและมีผลิตภัณฑ์มาแสดงมากกว่า 100,000 อย่าง นับว่าเป็นงานนิทรรศการอุตสาหกรรมของเล่นงานใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้

งานมหกรรมของเล่นนานาชาติ International Toy Fair ปีนี้ จัดบนพื้นที่เกือบ 1 แสนตารางกิโลเมตรที่ศูนย์การประชุม Javits ในนครนิวยอร์ค มีผลิตภัณฑ์ของเล่นมากมายหลายหลากจากราว 90 ประเทศมาแสดง ที่แน่นอนคือจากจีน ผู้ผลิตของเล่นส่วนใหญ่ที่ขายในอเมริกา และทั่วโลก

ดูเหมือนว่า ความตกอกตกใจกี่ยวกับความปลอดภัยของของเล่น ทำในจีนจะบรรเทาเบาบางลงและนักธุรกิจของเล่นเชื่อกันว่า ภาวะวิกฤติทางการเงินทั่วโลกจะไม่ยังความเสียหายแก่ธุรกิจของเล่น อย่างที่หลายคนหวั่นเกรงกัน

Carter Keithley นายกสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นกล่าวว่า งานมหกรรมของเล่นมีความเข้มแข็งมาก ผู้ร่วมงานบอกว่า ลูกค้าให้ความสนใจอย่างจริงจัง และว่า มีการพูดกันมานานแล้วว่า อุตสาหกรรมของเล่นนั้นทนทานต่อภาวะซบเซา คนยอมเลิกซื้อสิ่งของอื่นแต่ยังไม่เลิกซื้อของเล่นให้ลูก

นักวิเคราะห์แนวโน้มของเล่น บอกว่า บรรดาผู้ผลิตมุ่งที่ของเล่นราคาย่อมเยามากขึ้น รวมทั้งเกมส์ต่างๆ ที่เป็นเรื่องราวเข้ากันกับสภาพเศรษฐกิจ และเกมที่ให้ความรู้ ตอนนี้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ราคาถูกลง ของเล่นนอีเล็กทรอนิกส์มีราคาพอซื้อหามาเล่นได้ และน่าสนใจมากขึ้น อย่างเกม Mindflex ของ Mattel ที่มีเครื่องสวมศีรษะ ให้ผู้เล่นใช้คลื่น Alpha ในสมองยกลูกบอลเล็กๆ ได้ เป็นต้น ของเล่นอย่างหนึ่ง รวมเทคโนโลยจีดิจิทอลเข้ากับอุปกรณ์สมัยเก่า คิอ เกม Printies ของ Technosource ที่ให้เด็กๆ ออกแบบของเล่นออนไลน์ ทำของเล่นเล่นเองได้

Ginny McCormack ผู้เชี่ยวชาญของ Technosource อธิบายว่า พอเด็กเข้าเล่นคอมพิวเตอร์ จะมี studio หรือห้องทำงานให้เด็กๆ เข้าใช้อุปกาณ์ต่างๆ และมีแบบอย่างให้แต่งเติมเสริมต่ออย่างไรก็ได้ ขยายขนาดก็ได้ เปลี่ยนสีก็ได้ ใส่รูปภาพของตัวเองเข้าไปก็ได้ เมื่อได้ผลงานที่ตนพอใจก็พิมพ์ออกมาเป็นของเล่น

แนวโน้มหลักของของเล่นปี 2552 นี้ เป็นของเล่นแนววิทยาศาสตร์ และการค้นคว้า อย่างเกมบ้านจำลอง ที่สอนเด็กเกี่ยวกับพลังงานยั่งยืน และการดำรงชีวิตอย่างไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม

Stephen McQuillan จากบริษัท Thames and Kosmos บอกว่า เกม Power House นั้น เล่นได้ตั้งแต่อายุ 10 ปีขึ้นไป เด็กจะได้ทำการทดลองต่างๆ โดยมีโจทย์ว่า หากเด็กสองคนติดอยู่บนเกาะ จะมีวิธีอยู่รอดอย่างไร จะสร้างบ้านอย่างไร ใช้พลังงานจากไหน แบบไหน

สำหรับคนที่ต้องการเล่นเกมทางศิลป ก็มีของเล่นที่เป็นเครื่องดนตรีด้วย แล้วยังมี Boombox สามมิติของบริษัท HP ที่ฉายภาพแบบโฮโลแกรม [hologram] เป็นนักเต้นระบำตัวเล็กๆ บนเวทีเล็กๆ อีก อย่าว่าเฉพาะแต่เด็กๆ เท่านั้นที่ชอบเกมเหล่านี้ ผู้ใหญ่ก็ชอบเหมือนกัน


XS
SM
MD
LG