ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐในแปซิฟิกคนใหม่เตรียมเดินทางเยือนจีนเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางทหาร


U.S. Pacific Command, Adm. Samuel Locklear speaks during a roundtable briefing with the media members at the U.S. Embassy in Tokyo, April 11, 2012.
U.S. Pacific Command, Adm. Samuel Locklear speaks during a roundtable briefing with the media members at the U.S. Embassy in Tokyo, April 11, 2012.

ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐในภาคพื้นแปซิฟิกที่เพิ่งรับตำแหน่งเตรียมเดินทางเยือนจีนเพื่อสร้างความสัมพันธ์ร่วมกันโดยวางแนวนโยบายของสหรัฐที่จำดำเนินการอย่างมั่นคงและรอบคอบ

ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐในภาคพื้นแปซิฟิก เตรียมเดินทางเยือนจีนเพื่อสร้างความสัมพันธ์และวางนโยบายทางการทหารว่าจะดำเนินการอย่างมั่นคงและรอบคอบในการหันมาให้ความสนใจกับภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ผู้สื่อข่าวของวีโอเอประจำกระทรวงกลาโหม หลุยส์ รามิเรซ รายงานว่ากลุ่มผู้นำทางทหารของสหรัฐกำลังพยายามที่จะสะกัดกั้นข้อสงสัยที่ว่าเป้าหมายใหม่ของกองทัพสหรัฐ คือ จีน

พลเรือเอกแซมิวแอล ล็อคเลียร์ (Samuel Locklear) เพิ่งเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐในแปซิฟิก และกำลังจะเดินทางเยือนจีนในเร็วๆนี้เพื่อเจรจาแก้ไขปัญหาความตึงเครียดที่อาจจะมีระหว่างกัน ในขณะที่สหรัฐพยายามกระชับความสัมพันธ์ทางการทหารกับประเทศต่างๆในเอเชีย ที่ซึ่งอิทธิพลของประเทศจีนเริ่มปรากฎชัดขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พลเรือเอก Locklear บอกกับผู้สื่อข่าวที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐว่า ทางกองทัพกำลังมองหาช่องทางที่จะกระชับความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วกับเอเชีย แต่จะไม่สร้างฐานทัพใหม่ในภูมิภาค

พลเรือเอก Samuel Locklear กล่าวว่า “สหรัฐจะดำเนินการอย่างสม่ำเสมอ รอบคอบ และยั่งยืน ในขณะเดียวกันก็จะสร้างความสัมพันธ์ทางการทหารกับจีน เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ในขณะที่จีนกำลังมีอิทธิพลมากขึ้น เพื่อจะได้ป้องกันความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต”

ในขณะเดียวกัน นายแพททริก โครนิน (Patrick Cronin) นักวิเคราะห์ความมั่นคงในเอเชียของ Center for a New American Security ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยด้านความมั่นคงแห่งหนึ่งในสหรัฐ ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐเริ่มให้ความสนใจกับภูมิภาคแปซิฟิกตั้งแต่ช่วง ทศวรรษ 1990 เมื่อจีนเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นแล้ว ดังนั้น การจะหันเหความสนใจไปยังเอเชีย จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะช่วงนี้ซึ่งสงครามต่างๆหลังเหตุการณ์ 11 กันยา กำลังจะจบลง จึงไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลสหรัฐจะมองเอเชียในฐานะจุดสนใจถัดไป

นักวิจัยผู้นี้กล่าวว่านาย Patrick Cronin นักวิเคราะห์ความมั่นคงในเอเชีย กล่าวว่า “ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่สหรัฐจะนำเป้าหมาย ระยะยาวมาปฏิบัติ แต่ต้องนำมาใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสร้างความร่วมมือ สร้างสถาบันต่างๆซึ่งปฏิบัติตาม กฎกติกา แทนที่จะสร้างความแตกแยกในภูมิภาค ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามเย็นในรูป แบบใหม่ได้”
พลเรือเอก Locklear กล่าวสนับสนุนการที่สหรัฐจะให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญากฎหมายทางทะเล ซึ่งเป็นข้อตกลงทางทะเลระดับโลก และกำลังเป็นประเด็นของการโต้อภิปรายในหมู่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐ
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมเชื่อว่า สนธิสัญญาฉบับนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงมิให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศจีนได้ เพราะจะมีการจัดทำกฎข้อบังคับทางทะเลในบริเวณน่านน้ำที่กองทัพเรือสหรัฐปฏิบัติการฝึกซ้อมอยู่เป็นประจำ

สหรัฐเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังไม่ได้ให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาอายุ 30 ปีฉบับนี้ เพราะนักการเมืองบางคนห่วงกังวลว่า จะบ่อนทำลายอธิปไตยของสหรัฐ เพราะเห็นว่าเป็นการให้อำนาจในเรื่องสิทธิในสินแร่ใต้ทะเลแก่องค์กรระหว่างประเทศ มากเกินไป

ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐในภาคพื้นแปซิฟิก เตรียมเดินทางเยือนจีนเพื่อสร้างความสัมพันธ์และวางนโยบายทางการทหารว่าจะดำเนินการอย่างมั่นคงและรอบคอบในการหันมาให้ความสนใจกับภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ผู้สื่อข่าวของวีโอเอประจำกระทรวงกลาโหม หลุยส์ รามิเรซ รายงานว่ากลุ่มผู้นำทางทหารของสหรัฐกำลังพยายามที่จะสะกัดกั้นข้อสงสัยที่ว่าเป้าหมายใหม่ของกองทัพสหรัฐ คือ จีน
พลเรือเอกแซมิวแอล ล็อคเลียร์ (Samuel Locklear) เพิ่งเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐในแปซิฟิก และกำลังจะเดินทางเยือนจีนในเร็วๆนี้เพื่อเจรจาแก้ไขปัญหาความตึงเครียดที่อาจจะมีระหว่างกัน ในขณะที่สหรัฐพยายามกระชับความสัมพันธ์ทางการทหารกับประเทศต่างๆในเอเชีย ที่ซึ่งอิทธิพลของประเทศจีนเริ่มปรากฎชัดขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พลเรือเอก Locklear บอกกับผู้สื่อข่าวที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐว่า ทางกองทัพกำลังมองหาช่องทางที่จะกระชับความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วกับเอเชีย แต่จะไม่สร้างฐานทัพใหม่ในภูมิภาค

พลเรือเอก Samuel Locklear กล่าวว่า “สหรัฐจะดำเนินการอย่างสม่ำเสมอ รอบคอบ และยั่งยืน ในขณะเดียวกันก็จะสร้างความสัมพันธ์ทางการทหารกับจีน เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ในขณะที่จีนกำลังมีอิทธิพลมากขึ้น เพื่อจะได้ป้องกันความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต”

ในขณะเดียวกัน นายแพททริก โครนิน (Patrick Cronin) นักวิเคราะห์ความมั่นคงในเอเชียของ Center for a New American Security ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยด้านความมั่นคงแห่งหนึ่งในสหรัฐ ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐเริ่มให้ความสนใจกับภูมิภาคแปซิฟิกตั้งแต่ช่วง ทศวรรษ 1990 เมื่อจีนเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นแล้ว ดังนั้น การจะหันเหความสนใจไปยังเอเชีย จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะช่วงนี้ซึ่งสงครามต่างๆหลังเหตุการณ์ 11 กันยา กำลังจะจบลง จึงไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลสหรัฐจะมองเอเชียในฐานะจุดสนใจถัดไป

นักวิจัยผู้นี้กล่าวว่านาย Patrick Cronin นักวิเคราะห์ความมั่นคงในเอเชีย กล่าวว่า “ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่สหรัฐจะนำเป้าหมาย ระยะยาวมาปฏิบัติ แต่ต้องนำมาใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสร้างความร่วมมือ สร้างสถาบันต่างๆซึ่งปฏิบัติตาม กฎกติกา แทนที่จะสร้างความแตกแยกในภูมิภาค ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามเย็นในรูป แบบใหม่ได้”

พลเรือเอก Locklear กล่าวสนับสนุนการที่สหรัฐจะให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญากฎหมายทางทะเล ซึ่งเป็นข้อตกลงทางทะเลระดับโลก และกำลังเป็นประเด็นของการโต้อภิปรายในหมู่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐ
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมเชื่อว่า สนธิสัญญาฉบับนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงมิให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศจีนได้ เพราะจะมีการจัดทำกฎข้อบังคับทางทะเลในบริเวณน่านน้ำที่กองทัพเรือสหรัฐปฏิบัติการฝึกซ้อมอยู่เป็นประจำ

สหรัฐเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังไม่ได้ให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาอายุ 30 ปีฉบับนี้ เพราะนักการเมืองบางคนห่วงกังวลว่า จะบ่อนทำลายอธิปไตยของสหรัฐ เพราะเห็นว่าเป็นการให้อำนาจในเรื่องสิทธิในสินแร่ใต้ทะเลแก่องค์กรระหว่างประเทศ มากเกินไป
XS
SM
MD
LG