เมื่อปี ค.ศ. 2006 เกิดความกังวลต่อการระบาดของเชื้อไวรัสไขัหวัดนกสายพันธุ์ H5N1 องค์การอนามัยโลก (WHO) ยอมรับว่า ประเทศต่างๆ ทั่วโลกขาดความพร้อมในการรับมือกับการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่
เพื่อรับมือกับความกังวล WHO ได้เริ่มแผนปฏิบัติการระดับทั่วโลก หรือ Global Action Plan เพื่อกระตุ้นการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โครงการนี้ได้สิ้นสุดลงไปเเล้ว
และตั้งเเต่ปี ค.ศ. 2006 การผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นจากราว 1 พัน 5 ร้อยล้านโดส เป็น 6 พัน 2 ร้อยล้านโดสเมื่อปีที่แล้ว
Marie-Paule Kieny รองผู้อำนวยการฝ่ายระบบสาธารณสุขและนวัตกรรมแห่ง WHO กล่าวว่า ทั่วโลกได้เตรียมตัวรับมือกับการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่มานานตลอด 10 ปีที่ผ่านมา และย้ำว่าในปี 2006 เฉพาะประเทศร่ำรวยเท่านั้นที่ผลิตวัคซีนป้องกันโรคนี้ แต่มาในปัจจุบัน มีประเทศรายได้ปานกลางระดับต้นๆ 14 ประเทศ ที่กำลังคืบหน้ามากขึ้นในการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่เอง
Kieny กล่าวว่า ทั่วโลกเตรียมตัวพร้อมมากขึ้นกว่า 10 ปีที่แล้ว ในการรับมือกับการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ แต่เราต้องเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไปโดยไม่หยุดยั้ง เพราะโลกยังมีโอกาสประสบกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่
Kieny ชี้ว่าในปี ค.ศ. 2006 จำนวนประเทศที่มีนโยบายระดับชาติเพื่อส่งเสริมการฉีดวัคซีนได้เพิ่มขึ้นจาก 74 เป็น 115 ชาติ
William Ampofo ศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยกาน่า ซึ่งเป็นสมาชิกของทีมที่ปรึกษาในแผนปฏิบัติการระดับทั่วโลกหรือ GAP ของ WHO กล่าวกับวีโอเอว่า เเม้โครงการจะสิ้นสุดไปแล้ว เเต่ไม่ส่งผลให้ประเทศในแอฟริกาสามารถผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เองได้ ตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้
เขากล่าวว่าโครงการนี้มุ่งจัดหาเทคโนโลยีเเก่บรรดาประเทศกำลังพัฒนาเพื่อให้สามารถผลิตวัคซีนของตนเองขึ้น และประเทศแอฟริกาใต้กับอียิปต์ก็เป็นส่วนหนึ่งโครงการนี้ แต่ทั้งสองประเทศยังไม่สามารถผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ขึ้นเองได้
ในประเทศต่างๆ ในซีกโลกเหนือ มักมีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในเดือนธันวาคมและจะรุนเเรงมากในช่วงเดือนมกราคมหรือราวต้นเดือนกุมภาพันธ์ และระบาดไปจนถึงเดือนเมษายนและพฤษภาคมของทุกปี
องค์การอนามัยโลกประมาณว่า ทุกปีมีคนทั่วโลกราว 3-5 ล้านคนป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่และเสียชีวิตระหว่าง 150,000 -500,000 คน
(รายงานโดย Lisa Schlein / เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว)