รายงานตัวเลขยอดจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ในช่วงสุดสุปดาห์นี้ในอเมริกาเหนือหดตัวลงสู่ระดับที่เรียกว่า ซบเซาที่สุดอีกครั้งในรอบปี หลังมีการเลื่อนการเปิดฉายภาพยนตร์มหากาพย์ไซไฟ “ดูน ภาค 2” (Dune: Part Two) ออกไปอีกระยะ
ก่อนหน้าจะมีการเคลื่อนไหวหยุดงานประท้วงของสมาชิกภาพแรงงานผู้เขียนบทและนักแสดงฮอลลีวู้ดเมื่อหลายเดือนก่อน ค่ายวอร์เนอร์บราเธอร์ส และสตูดิโอผู้ผลิตภาพยนตร์ Legendary วางกำหนดเปิดฉาย “ดูน ภาค 2” ไว้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ความปั่นป่วนในวงการบันเทิงสหรัฐฯ ที่ทำให้ผู้ผลิตหลายรายต้องเร่งปรับเปลี่ยนตารางการฉายหนังใหม่เนื่องจากไม่แน่ใจว่า การประท้วงหยุดงานนี้ซึ่งหมายความว่า เหล่าดารานักแสดงและทีมงานจะไม่สามารถออกเดินสายโปรโมทผลงานได้เหมือนปกติ จะลากยาวไปนานเท่าใด ส่งผลให้มีการตัดสินใจเลื่อนการฉายภาพยนตร์ภารต่อเรื่องนี้ที่นำแสดงด้วย ทิโมธี ชาลาเมต์ และเซนดายา ไปเป็นเดือนมีนาคมปีหน้าแทนแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ในรายชื่อ 10 อันดับหนังทำเงินในสัปดาห์นี้จึงไม่มีรายชื่อภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ปรากฏอยู่เลย
ในอันดับหนึ่งสัปดาห์นี้ ผลงานที่ทำเงินได้สูงสุดคือ Five Nights at Freddy’s ซึ่งเป็นภาพยนตร์สยองดัดแปลงจากวิดีโอเกม ที่ยึดหัวหาดไว้ได้เป็นสัปดาห์ที่ 2 ด้วยรายได้ 19.4 ล้านดอลลาร์ ตามการประเมินของสตูดิโอผู้จัดจำหน่ายในวันอาทิตย์ อย่างไรก็ดี ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นการหดตัวถึง 76% จากสัปดาห์ก่อนที่อาจกล่าวได้ว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะมีการนำภาพยตร์เรื่องนี้ไปออกฉากผ่านระบบสตรีมมิ่งทางแพลตฟอร์ม Peacock แล้ว ขณะที่ กลุ่มเป้าหมายผู้ชมนั้นก็เป็นกลุ่มเฉพาะพิเศษเป็นหลัก
อย่างไรก็ดี ภายใน 2 สัปดาห์ที่ออกฉาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็กวาดรายได้ไปแล้ว 217 ล้านดอลลาร์จากการฉายทั่วโลก เทียบกับงบสร้างเพียง 20 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
ภาพยนตร์บันทึกการแสดงคอนเสิร์ต "Taylor Swift: The Eras Tour" ตามมาในอันดับที่ 2 หลังเข้าฉายมา 4 สัปดาห์แล้ว และทำเงินเพิ่มไปได้อีก 13.5 ล้านดอลลาร์ จากเฉพาะการฉายในเครือโรงภาพยนตร์ AMC ของสหรัฐฯ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์เท่านั้น โดยจนถึงบัดนี้ ผลงานชิ้นนี้กวาดเงินเข้ากระเป๋าไปได้แล้ว 231 ล้านดอลลาร์จากการฉายทั่วโลก
ในอันดับสามนั้น เจ้าของตำแหน่งคือ ระทึกขวัญอาชญากรรมอำพราง Killers of the Flower Moon ที่ทำรายได้ลดลง 25% เหลือ 7 ล้านดอลลาร์ จากการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 3,786 แห่ง โดยรายได้รวมตั้งแต่เปิดฉายนั้นอยู่ที่ 52.3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยังห่างจากงบการสร้างที่ Apple Original Films ตั้งให้ 200 ล้านดอลลาร์อยู่มาก
และหลังการเปิดฉายได้อย่างน่าประทับใจในนิวยอร์กและลอสแอนเจลิสเมื่อสัปดาห์ก่อน Priscilla ภาพยนตร์ที่อิงจากหนังสือบันทึกความทรงจำ Elvis and Me ของ พริสซิลลา เพรสลีย์ ภรรยาของอดีตราชาร็อคแอนด์โรลล์ ที่ออกมาเมื่อปี ค.ศ. 1985 ได้เข้าฉายเพิ่มในโรงภาพยนตร์ทั้งหมด 1,359 แห่งในสุดสัปดาห์นี้ และทำเงินได้ 5.1 ล้านดอลลาร์ จนได้มาอยู่ที่อันดับที่ 4
พอล เดอร์การาบีเดียน นักวิเคราะห์อาวุโสด้านสื่อจาก Comscore ให้ความเห็นว่า การขาดซึ่ง “ดูน ภาค 2” ไปนั้น ทำให้บรรยากาศการชมภาพยนตร์ในสัปดาห์นี้เงียบเหงาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในมุมกลับกัน สัปดาห์นี้ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับหนังอินดี้ฟอร์มเล็กให้ได้แจ้งเกิด อย่างเช่น กรณีของ The Holdovers ภาพยนตร์ดรามาฟอร์มเล็ก ที่เก็บรายได้เพิ่มอีก 600,000 ดอลลาร์ จากการฉายในโรงภาพยนตร์ 64 แห่ง ก่อนจะขยายไปฉายในอีก 800 แห่งในสัปดาห์หน้า
1. "Five Nights at Freddy's," $19.4 million.
2. "Taylor Swift: The Eras Tour," $13.5 million.
3. "Killers of the Flower Moon," $7 million.
4. "Priscilla," $5.1 million.
5. "Radical," $2.7 million.
6. "The Exorcist: Believer," $2.2 million.
7. "After Death," $2 million.
8. "Paw Patrol: The Mighty Movie," $2 million.
9. "What Happens Later," $1.6 million.
10. "Freelance," $1.3 million.
- ที่มา: เอพี
กระดานความเห็น