ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับผู้สื่อข่าวของ Voice of America เมื่อช่วงค่ำวันพุธที่ 22 มิถุนายนตามเวลาในสหรัฐ ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่ากล่าวว่าการตัดสินใจถอนทหารสหรัฐออกจากอาฟกานิสถานมิได้หมายความว่าสหรัฐละทิ้งอัฟกานิสถานแต่อย่างใด
ประธานาธิบดีโอบาม่ากล่าวว่าจะเริ่มถอนทหาร 10,000 คนภายในปีนี้และอีก 23,000 คนก่อนช่วงฤดูร้อนปีหน้า นั่นหมายความว่าจะยังเหลือทหารอเมริกันในอัฟกานิสถานอีกราว 68,000 คน ยังไม่รวมกำลังทหารของประเทศพันธมิตรซึ่งยังเป็นจำนวนที่มากพอสมควร แต่การตัดสินใจเริ่มถอนทหารครั้งนี้คือการส่งสัญญาณว่ากองกำลังอัฟกานิสถานจะค่อยๆรับภาระด้านการรักษาความมั่นคงตามกระบวนการถ่ายโอนความรับผิดชอบทางการทหาร เพื่อให้ประชาชนอัฟกานิสถานรับรู้ว่านี่คือประเทศของพวกเขาและพวกเขาต้องรับผิดชอบในการปกป้องดูแลประเทศของตนเอง
ประธานาธิบดีโอบาม่าเน้นย้ำถึงการจัดการปัญหาทางการเมืองเพื่อนำสันติภาพอย่างแท้จริงมาสู่ภูมิภาคนี้ พร้อมระบุว่าสหรัฐพร้อมจะช่วยเหลืออัฟกานิสถานและเจรจากับประเทศอื่นๆ แต่รัฐบาลอัฟกานิสถานต้องยุติความสัมพันธ์กับกลุ่มอัลไคยด้า ต้องให้สัญญาว่าจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญของประเทศ และต้องยุติความรุนแรงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางการเมือง ซึ่งหากรัฐบาลอัฟกานิสถานสามารถกระทำตามขั้นตอนเหล่านี้ได้ เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะเกิดการปรองดองทางการเมืองซึ่งจะนำไปสู่การสิ้นสุดสงครามที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน 30 ปี
ในขณะเดียวกัน ในการสัมภาษณ์พิเศษครั้งนี้ประธานาธิบดีสหรัฐยังได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับปากีสถานที่มัวหมองลงภายหลังเหตุการณ์สังหารนายโอซาม่า บิน ลาเด้น ประธานาธิบดีโอบาม่าบอกว่าที่ผ่านมาตนได้กล่าวอย่างชัดเจนกับรัฐบาลปากีสถานว่า หากสหรัฐพบตัวนายบิน ลาเด้นและมีโอกาสจับกุมตัว สหรัฐก็ไม่รีรอที่จะใช้โอกาสนั้น และว่าโดยรวมแล้วปากีสถานได้ให้ความร่วมมือกับสหรัฐในด้านการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองเพื่อโจมตีเป้าหมายสำคัญของขบวนการก่อการร้าย
ประธานาธิบดีสหรัฐระบุว่าไม่มีประเทศใดทุกข์ทรมานจากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายมากไปกว่าปากีสถาน และว่าการรับมือกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ยังอยู่ในดินแดนปากีสถานนั้น ถือเป็นความรับผิดชอบและผลประโยชน์สำคัญของปากีสถานเอง
