ราวๆ ครึ่งหนึ่งของครอบครัวในอเมริกามีสัตว์เลี้ยง ซึ่งมักจะเป็นแมวหรือสุนัข และแม้เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยในช่วงสามปีมานี้ รายจ่ายสำหรับการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงไม่ได้ลดลงเลย
“A Dog’s Day Out”, daycare สำหรับสุนัขในเมือง Alexandria ชานกรุงวอชิงตัน รับดูแลสุนัขในเวลากลางวันเมื่อเจ้าของต้องไปทำงาน หรือจะฝากค้างคืนก็ได้
Gay Lynn Forney เป็นผู้หนึ่งที่ใช้บริการ daycare นี้เป็นประจำ เพราะอยากจะสบายใจว่าสุนัขเลี้ยงของเธอได้รับการดูแล และไม่ถูกทอดทิ้งไว้ที่บ้าน
ธุรกิจสัตว์เลี้ยงในอเมริกามีมูลค่าสูงถึง 5 หมื่นล้านดอลล่าร์ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 23% จากปีค.ศ. 2007 Chas Richardson เจ้าของ “A Dog’s Day Out” บอกว่า เขาทำกำไรได้ราวๆ 25% และว่าอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างมาก เฉพาะการรับดูแลสุนัขในตอนกลางวัน หรือ daycare นั้น ดูอนาคตสดใสมากทีเดียว
เจ้าหน้าที่ของสถาบันอาหารสัตว์เลี้ยง Duane Ekadahl บอกว่า ธุรกิจสัตว์เลี้ยงรุ่งเรืองมาก ก็เพราะเจ้าของถือว่าสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัว และเมื่อรูปแบบการใช้ชีวิตของครอบครัวเปลี่ยนไปในทางที่เอาใจใส่กับสุขภาพอนามัยมากขึ้น สมาชิกสัตว์สี่ขาก็พลอยได้ประโยชน์ด้วย เพราะเจ้าของพิถีพิถันมากขึ้นกับอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ และของเล่นที่ซื้อให้สัตว์เลี้ยง
Kamala Mohammed เจ้าของร้าน Dogma Gourmet Bakery อวดว่า คุ๊กกี้ที่ร้านของเธอถูกต้องตามหลักโภชนาการ ไม่เพิ่มเกลือ น้ำตาล หรือสารกันบูด และนอกจากจะซื้อให้สัตว์เลี้ยงแล้ว เจ้าของก็ยังรับประทานคุ๊กกี้เสียเองด้วย เพราะใช้ส่วนประกอบอย่างเดียวกับของมนุษย์
Jody Smith เป็นขาประจำคนหนึ่ง เธอมีสุนัขสามตัว และเป็นเจ้าของบริษัทท่องเที่ยว “Woof Woof Travels” เธอสามารถบอกกับลูกค้าได้ว่า เมืองไหนบ้างที่อำนวยความสะดวกให้กับนักเดินทางที่มีสัตว์เลี้ยงร่วมทางไปด้วย รวมทั้งจัดหาโรงแรมที่พัก ให้คำแนะนำเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ และร้านอาหารที่ไม่รังเกียจสุนัขเลี้ยงได้ด้วย
บริการสำคัญอีกด้านหนึ่งสำหรับสุนัขเลี้ยง คือการอาบน้ำ ตัดและแปรงขน Shannon Parker พาสุนัขของเธอไปอาบน้ำ แถมหมักหน้าด้วยครีมผสมลูกบลูเบรี่ให้ด้วยที่ Bark and Bubbles เธอบอกว่าคุ้มค่ามากเพราะถ้าทำที่บ้านแล้ว น้ำจะเลอะเทอะทั่วบ้าน
Vicky Pittman เจ้าของ Bark and Bubbles สถานอาบ อบ นวดให้กับสุนัขเลี้ยง บอกว่า เป็นธุรกิจที่ไม่มีทางล้มเหลว เพราะสุนัขเป็นส่วนสำคัญของครอบครัว