กรรมการผู้จัดการของ Standard & Poor’s นาย John Chambers ระบุว่าการตัดสินใจลดระดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของสหรัฐจาก AAA เป็น AA+ นั้น มิได้พิจารณาจากยอดขาดดุลงบประมาณและภาระหนี้ในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังวิเคราะห์ไปถึงภาระหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย สำหรับในกรณีของสหรัฐ นาย Chambers ระบุว่าความเสี่ยงทางการเมืองและการขาดวินัยทางการคลัง-ใช้จ่ายอย่างไม่ระมัดระวัง คือ 2 ปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐถูกลดระดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้
หลักการพิจารณาความน่าเชื่อถือทางการเงินของ Standard & Poor’s มีอยู่ 5 ประการ
- 1 ประสิทธิภาพและความเสี่ยงทางการเมือง ซึ่งสะท้อนออกมาเป็นคะแนนด้านการเมือง
- 2 โครงสร้างทางเศรษฐกิจและการคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งคิดคำนวณเป็นคะแนนด้านเศรษฐกิจ
- 3 สภาพคล่องภายนอกและนโยบายการลงทุนระหว่างประเทศ แสดงออกมาเป็นคะแนนปัจจัยภายนอก
- 4 สมรรถภาพและความยืดหยุ่นทางการคลัง ตลอดจนภาระหนี้สิน ซึ่งกำหนดคะแนนด้านการคลัง
- 5 ความยืดหยุ่นทางการเงิน สะท้อนออกมาเป็นคะแนนด้านการเงิน
Standard & Poor’s ระบุว่าคะแนนในข้อ 2, 3 และ 5 ของสหรัฐได้แก่คะแนนทางเศรษฐกิจ คะแนนปัจจัยภายนอกและคะแนนด้านการเงินค่อนข้างมีเสถียรภาพ แต่คะแนนในข้อ 1 และข้อ 4 คือคะแนนด้านการเมืองและคะแนนด้านการคลัง อยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศอื่นที่มีความน่าเชื่อถือระดับ AAA
David Beers ผู้อำนวยการฝ่ายจัดอันดับของ Standard & Poor’s ชี้ว่าการต่อสู้ยืดเยื้อในรัฐสภาสหรัฐเรื่องข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้และลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล เน้นย้ำให้เห็นถึงความไม่มั่นคงทางการเมืองของสหรัฐและทำให้คะแนนด้านการเมืองลดลง ในขณะเดียวกันการคาดการณ์ว่าภาระหนี้สินของรัฐบาลอเมริกันจะเพิ่มขึ้นสูงกว่า 20 ล้านล้านดอลล่าร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้าก็ส่งผลกระทบต่อคะแนนด้านการคลังของสหรัฐเช่นกัน คุณ David Beers ยังบอกด้วยว่าที่ผ่านมาสหรัฐยังมิได้แสดงให้เห็นว่ามีความสามารถหรือมีความตั้งใจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านนี้เพียงพอ
บรรดาผู้บริหารของ Standard & Poor’s ชี้ว่า ในอดีตมี 5 ประเทศที่ถูกลดระดับความน่าเชื่อถือทางการเงินจากระดับ AAA เป็น AA+แล้วสามารถกลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดได้อีกครั้ง ซึ่งรวมถึงประเทศแคนาดา สวีเดนและออสเตรเลีย แต่อย่างเร็วที่สุดต้องใช้เวลาถึง 9 ปี และยังต้องผ่านการปฏิรูปครั้งใหญ่เพื่อปรับปรุงระบบการเงินและเพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้น
แม้การที่ Standard & Poor’s ลดระดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของสหรัฐครั้งนี้ หลายคนมองว่าเกิดขึ้นเพราะความแตกแยกทางการเมือง แต่นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่าจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อความมั่นใจของนักลงทุนและต่อเศรษฐกิจโลกจนอาจนำไปสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง
Mohammed El-Erian แห่งบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุน PIMCO ในรัฐแคลิฟอร์เนีย บอกว่าไม่น่าแปลกใจเลยที่ขณะนี้บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างวุ่นอยู่กับการปรับลดการคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และมีการพูดถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างหนาหูเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา