John Chambers กรรมการผู้จัดการใหญ่ของสำนักจัดอันดับความน่าเชื่อถือด้านการเงิน Standards & Poors ให้สัมภาษณ์ต่อรายการโทรทัศน์ This Week ของเครือข่ายโทรทัศน์ ABC ว่า หากสถานการณ์ด้านการคลังของรัฐบาลสหรัฐย่ำแย่ลงอีก หรือหากความแตกแยกทางการเมืองอเมริกันรุนแรงขึ้น ก็เป็นไปได้ที่สหรัฐอาจถูกลดระดับความน่าเชื่อถือทางการเงินลงอีก โดยมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นราว 1 ใน 3 ในทางตรงกันข้าม หากรัฐบาลอเมริกันแสดงให้เห็นว่าสามารถจัดการแก้ไขปัญหาขาดดุลงบประมาณได้ในช่วงไม่กี่ปีจากนี้ ก็มีโอกาสที่ความน่าเชื่อถือทางการเงินจะกลับสู่ระดับสูงสุดคือ AAA อีกครั้งได้เช่นกัน
บรรดานักวิเคราะห์เชื่อว่าทัศนะของกรรมการผู้จัดการใหญ่ Standards & Poors ครั้งนี้อาจสั่นคลอนความมั่นใจของนักลงทุนทั่วโลกยิ่งขึ้น หลังจากดัชนีหุ้นทั่วโลกร่วงดิ่งลงเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วก่อนการประกาศของ Standards & Poors เสียอีก อย่างไรก็ตาม David Beers หัวหน้าฝ่ายจัดอันดับความน่าเชื่อถือด้านหนี้สินของStandards & Poors บอกว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบถึงความมั่นใจของนักลงทุนนอกเหนือจากความน่าเชื่อถือทางการเงินของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงวิกฤตการณ์การเงินในยุโรปและการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลงอีกครั้ง
ปัจจุบันหนี้ของรัฐบาลอเมริกันมีมูลค่าราว 14 ล้านล้านกับ 3 แสนล้านดอลล่าร์ซึ่งเท่ากับยอดขาดดุลงบประมาณสะสมประจำปีของรัฐบาล เมื่อสัปดาห์ที่แล้วประธานาธิบดี Barack Obama ลงนามในข้อตกลงเพิ่มระดับเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐภายใต้เงื่อนไขลดยอดขาดดุลงบประมาณลงปีละมากกว่า 2 ล้านล้านดอลล่าร์ต่อเนื่องเป็นเวลา 10 ปี โดยก่อนหน้าที่จะบรรลุข้อตกลงดังกล่าว สมาชิกพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในรัฐสภาเจรจาต่อรองยืดเยื้อนานหลายสัปดาห์ และยังคงวิพากษ์โจมตีกันและกันจนถึงขณะนี้
David Axelrod ที่ปรึกษาระดับสูงทางการเมืองของประธานาธิบดี Obama กล่าวในรายการ Face the Nation ของเครือข่ายโทรทัศน์ CBS ว่าสมาชิกกลุ่ม Tea Party ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพรรครีพับลิกันคือผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายทางเศรษฐกิจและความน่าเชื่อถือของสหรัฐ จากการเล่นเกมการเมืองโดยมีชะตากรรมของประเทศเป็นเดิมพัน
ในขณะเดียวกัน ส.ว Paul Ryan ประธานคณะกรรมการด้านงบประมาณของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน กล่าวในรายการ Fox News Sunday ว่า การใช้จ่ายแบบไร้การควบคุมของรัฐบาลอเมริกัน คือต้นเหตุที่ทำให้สหรัฐต้องถูกลดระดับความน่าเชื่อถือทางการเงิน
Standards & Poors ระบุไว้ว่า ภาวะชะงักงันและความแตกแยกในรัฐสภาสหรัฐนั้น คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบถึงความน่าเชื่อถือและชะตากรรมทางการเงินและการคลังของสหรัฐเอง ในขณะที่ทางรัฐบาลอเมริกันแย้งว่า Standards & Poors ใช้ข้อมูลและตัวเลขที่ผิดพลาดในการประเมินความน่าเชื่อถือทางการเงินของสหรัฐครั้งนี้
