กระแสแบนธุรกิจอเมริกัน ปมผลักดัน ‘ไพรด์ มันท์’ เกินงาม

เดือนแห่งการเฉลิมฉลอง Pride Month หรือเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มหลากหลายทางเพศ ได้รับความสนใจในสังคมมากขึ้น และภาคธุรกิจอเมริกันมีการผลักดันในเรื่องนี้มากขึ้นเช่นกัน แต่ไม่ใช่ชาวอเมริกันทุกคนจะให้การยอมรับ เพราะเริ่มมีกระแสตีกลับรวมไปถึงการบอยคอตภาคธุรกิจในเรื่องนี้มากขึ้นแล้ว

ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลายธุรกิจในสหรัฐฯ ทั้งทีมดอดเจอร์ส ทีมเบสบอลของลอสแอนเจลิส ห้างทาร์เก็ต ยักษ์ใหญ่ด้านการค้าปลีก และผู้ผลิตเบียร์ บัด ไลท์ ต่างต้องเผชิญกับการตกเป็นเป้าของการคว่ำบาตร เนื่องมาจากทำการตลาดเกี่ยวข้องกับกลุ่มลูกค้า LGBTQ+

กลุ่มที่ชื่อว่า The Sisters of Perpetual Indulgence ซึ่งเป็นกลุ่มแดร็ก (Drag) หรือ แดร็กควีน (Drag Queen) ซึ่งก็คือชายที่แต่งกายคล้ายหญิง กลุ่มแดร็กนี้เลือกที่จะแต่งชุดคล้ายแม่ชีด้วยสีสันอันจัดจ้าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนสิทธิของ LGBTQ+ และระดมเงินเพื่อการกุศล อันเกี่ยวข้องกับโรคเอดส์และเอชไอวี มาเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว

ในเบื้องต้น ทีมดอดเจอร์สได้ประกาศให้กลุ่มดังกล่าวได้รับรางวัล Community Hero Award ในเดือนมิถุนายน แต่คนในลอสแอนเจลิสบางส่วนกลับไม่เห็นด้วยกับการมอบรางวัลที่เกิดขึ้น

ไดอานา ไอก้า ที่อาศัยอยู่ในแอลเอ และเข้าร่วมการชุมนุมเรียกร้อง Beverly Hills Freedom Rally ที่สนับสนุนอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เธอให้ความเห็นว่า“การที่ทีมดอดเจอร์สสนับสนุนแดร็กควีน ถ้าทำแบบนี้ คุณกำลังทำร้ายธุรกิจของตัวเอง เพราะคนส่วนใหญ่ที่ดูการแข่งขันของทีมดอดเจอร์สไม่ต้องการเห็นแดร็กควีน”

มาร์โก รูบิโอ วุฒิสมาชิกรัฐฟลอริดาจากพรรครีพับลิกัน ได้ยื่นจดหมายไปยัง Major League Baseball (MLB) โดยตั้งคำถามว่ากีฬานี้ยัง “เปิดกว้างและยินดีต้อนรับ” ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์หรือไม่

ทีมดอดเจอร์สได้ตัดสินใจยกเลิกการมอบรางวัลดังกล่าว แต่หลังจากนั้นเกิดกระแสตีกลับจากชุมชน LGBTQ+ จนส่งผลให้ต้องเดินหน้าตามแผนเดิมที่วางไว้

Sister Unity ฉายาของหนึ่งในแดร็กควีน สมาชิกของกลุ่ม The Sisters of Perpetual Indulgence ให้สัมภาษณ์ว่า “เราจะรับรางวัลอย่างมีความสุขมาก สำหรับเราแล้ว มันไม่เกี่ยวกับรางวัลมากนัก รางวัลไม่ได้สำคัญกับเรา เราทำเพราะเรารัก ฉันรักการแต่งหน้าแบบนี้ (มันทำให้) ฉันดูสวยมาก และจะใช้สิ่งนี้เพื่อรับใช้ผู้คน”

ขณะที่บริษัทต่างๆ ในสหรัฐฯ กำลังปรับความสมดุลในเรื่องความเสี่ยงต่อการประชาสัมพันธ์สินค้า ที่เกี่ยวข้องกับเดือนแห่งการเฉลิมฉลอง Pride Month หรือเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มหลากหลายทางเพศ

เกร็ก โดโนแวน ผู้อาศัยในลอสแองเจลิส มองว่าธุรกิจต่างๆ ควรที่จะอยู่ให้ห่างจากเรื่องของการเมือง โดโนแวน ให้ความเห็นว่า “ผมไม่ต้องการที่จะเห็นเรื่องการเมือง หรืออะไรก็ตาม เข้ามาแทรกซึมผสมอยู่ ในอาหารที่ผมกิน หรือเบียร์ที่ผมดื่ม”

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่เป็นกระแส คือการที่ ดีแลน มัลวานีย์ หญิงข้ามเพศที่มีชื่อเสียง ได้ออกมาพูดส่งเสริมเบียร์ Bud Light ในเดือนเมษายน มัลวานีย์ ได้พูดผ่านคลิปแสดงความดีใจที่เธอเป็นหญิงข้ามเพศครบรอบหนึ่งปี เธอบอกว่า “ในเดือนนี้ฉันฉลองวันแห่งความเป็นผู้หญิงครบ 365 วัน และเบียร์ Bud Light ก็ได้ส่งของขวัญที่ดีที่สุดเท่าที่เคยได้รับ นั่นคือกระป๋องเบียร์ที่มีใบหน้าของฉันอยู่บนนั้น”

ชิวา บาเกรี ผู้จัดงานชุมนุมเรียกร้อง Beverly Hills Freedom Rally มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เหมาะสม เธอบอกว่า “คุณกำลังดูถูกผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ ดีแลน มัลวานีย์ มาพูดว่าวันแรกของการเป็นหญิง (ด้วยน้ำเสียงล้อเลียน) เรา (ที่เป็นผู้หญิง) พูดกันแบบนี้เหรอ มันทำให้ผู้หญิงดูแย่”

ตามรายงานการค้าจาก Beer Business Daily ชี้ว่ายอดขายเบียร์ Bud Light ลดลงเกือบ 30 เปอร์เซนต์ หลังเกิดกระแสการคว่ำบาตรจากลูกค้าที่มีต่อเหตุการณ์นี้

โจแอนนา ชวาร์ตซ์ อาจารย์ด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัย Georgia College & State University (GCSU) ชี้ว่าผลกระทบไม่น่าที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว อาจารย์ท่านนี้อธิบายเพิ่มว่า “เมื่อเริ่มมีคนที่หันหลังให้กับธุรกิจ พวกเขาไม่ใช่กลุ่มที่จำเป็นและต้องไปให้ความสนใจมากนัก และต่อให้เป็นคนที่ต้องให้ความสนใจ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของเบียร์ Bud Light ไม่ใช่แค่กับกลุ่ม LGBT เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเหล่าผู้สนับสนุนอีกด้วย”

Target ผู้ค้าปลีกในสหรัฐฯ ที่ขายสินค้าเกี่ยวข้องกับ Pride Month มานานกว่าทศวรรษ ตอนนี้กำลังนำสินค้าบางรายการออกจากร้านค้า เนื่องจากมีการร้องเรียนโดยเฉพาะสินค้าที่ในอยู่ธีม LGBTQ+ ที่เป็นสินค้าสำหรับเด็ก

• ที่มา: วีโอเอ