รัฐมนตรี John Kerry ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเดินทางเยือนหลายประเทศในเอเชียเมื่อเร็วๆ นี้ และได้พยายามให้การรับรองกับพันธมิตรสหรัฐในภูมิภาคว่า สหรัฐยังคงดำเนินงานตามนโยบายปรับดุลสู่เอเชีย หรือ Asia Pivot อยู่ต่อไป
เป้าหมายของ Asia Pivot คือการเสริมปฏิบัติการของสหรัฐในเอเชีย-แปซิฟิกด้วยกำลังทหารที่ถอนออกมาจากอิรักและแอฟกานิสถาน ในขณะเดียวกัน สหรัฐมีแผนจะใช้ทรัพยากรทางการทูตและการค้าใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมฐานะของสหรัฐในฐานะประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งในภูมิภาค
รัฐมนตรี Kerry กล่าวในระหว่างการเยือนเอเชียว่า การปรับดุลสู่เอเชียมีความสำคัญสูงสุดของรัฐบาลชุดประธานาธิบดี Obama และกำลังมีการโยกย้ายทรัพยากรทางการทูต ทางเศรษฐกิจ และทางการทหารเพิ่มมากขึ้นตามคำสั่งของประธานาธิบดี เพื่อช่วยให้สหรัฐบรรลุเป้าหมายที่มีร่วมกับประเทศพันธมิตรต่างๆ ในภูมิภาค
แต่ Michael Auslin นักวิเคราะห์ของสถาบัน American Enterprise ในกรุงวอชิงตัน บอกว่า การปรับดุลดังกล่าวเป็นความคิดที่ดี แต่รัฐบาลสหรัฐไม่เคยอธิบายว่า ทำไปเพื่ออะไร และทำไมจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ในขณะที่นักวิเคราะห์ Doug Bandow ของสถาบัน Cato ในกรุงวอชิงตันเช่นกัน บอกว่า เรื่องนี้เป็นความคิดริเริ่มของอดีตรัฐมนตรี Hillary Clinton แต่เมื่อรัฐมนตรี Kerry เข้ารับตำแหน่งต่อ ก็ไม่ได้ให้ความสนใจสานต่อ เพราะหันไปใช้เวลากับปัญหาในตะวันออกกลางเป็นอย่างมาก
ในอีกด้านหนึ่ง จีนกล่าวว่า สหรัฐกำลังเข้าไปแทรกแซงในเรื่องการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนในทะเลจีนตะวันออกและใต้ แต่สหรัฐกล่าวหาว่าจีนกำลังแสดงแนวโน้มที่เป็นการรุกรานในบริเวณดังกล่าว
นักวิเคราะห์คนอื่นๆ ในกรุงวอชิงตันให้ข้อคิดว่า ประเด็นความขัดแย้งระหว่างจีนกับญี่ปุ่นยังมีประเด็นทางการเมืองภายในประเทศทั้งสองเกี่ยวข้องด้วย และว่าสหรัฐควรระวังกับการถูกดึงให้เข้าไปยุ่งเกี่ยว
Michael Auslin ของสถาบัน American Enterprise ส่งท้ายว่า การประกาศปรับดุลนโยบายสู่เอเชีย ได้เพิ่มความคาดหวังว่า สหรัฐจะเข้าไปมีบทบาทในเอเชีย-แปซิฟิกมากขึ้น และถ้าไม่เป็นไปตามนั้น ก็จะก่อให้เกิดความผิดหวังอย่างมากได้
เป้าหมายของ Asia Pivot คือการเสริมปฏิบัติการของสหรัฐในเอเชีย-แปซิฟิกด้วยกำลังทหารที่ถอนออกมาจากอิรักและแอฟกานิสถาน ในขณะเดียวกัน สหรัฐมีแผนจะใช้ทรัพยากรทางการทูตและการค้าใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมฐานะของสหรัฐในฐานะประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งในภูมิภาค
รัฐมนตรี Kerry กล่าวในระหว่างการเยือนเอเชียว่า การปรับดุลสู่เอเชียมีความสำคัญสูงสุดของรัฐบาลชุดประธานาธิบดี Obama และกำลังมีการโยกย้ายทรัพยากรทางการทูต ทางเศรษฐกิจ และทางการทหารเพิ่มมากขึ้นตามคำสั่งของประธานาธิบดี เพื่อช่วยให้สหรัฐบรรลุเป้าหมายที่มีร่วมกับประเทศพันธมิตรต่างๆ ในภูมิภาค
แต่ Michael Auslin นักวิเคราะห์ของสถาบัน American Enterprise ในกรุงวอชิงตัน บอกว่า การปรับดุลดังกล่าวเป็นความคิดที่ดี แต่รัฐบาลสหรัฐไม่เคยอธิบายว่า ทำไปเพื่ออะไร และทำไมจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ในขณะที่นักวิเคราะห์ Doug Bandow ของสถาบัน Cato ในกรุงวอชิงตันเช่นกัน บอกว่า เรื่องนี้เป็นความคิดริเริ่มของอดีตรัฐมนตรี Hillary Clinton แต่เมื่อรัฐมนตรี Kerry เข้ารับตำแหน่งต่อ ก็ไม่ได้ให้ความสนใจสานต่อ เพราะหันไปใช้เวลากับปัญหาในตะวันออกกลางเป็นอย่างมาก
ในอีกด้านหนึ่ง จีนกล่าวว่า สหรัฐกำลังเข้าไปแทรกแซงในเรื่องการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนในทะเลจีนตะวันออกและใต้ แต่สหรัฐกล่าวหาว่าจีนกำลังแสดงแนวโน้มที่เป็นการรุกรานในบริเวณดังกล่าว
นักวิเคราะห์คนอื่นๆ ในกรุงวอชิงตันให้ข้อคิดว่า ประเด็นความขัดแย้งระหว่างจีนกับญี่ปุ่นยังมีประเด็นทางการเมืองภายในประเทศทั้งสองเกี่ยวข้องด้วย และว่าสหรัฐควรระวังกับการถูกดึงให้เข้าไปยุ่งเกี่ยว
Michael Auslin ของสถาบัน American Enterprise ส่งท้ายว่า การประกาศปรับดุลนโยบายสู่เอเชีย ได้เพิ่มความคาดหวังว่า สหรัฐจะเข้าไปมีบทบาทในเอเชีย-แปซิฟิกมากขึ้น และถ้าไม่เป็นไปตามนั้น ก็จะก่อให้เกิดความผิดหวังอย่างมากได้