เลขาธิการสหประชาชาติคนใหม่ นายแอนโตนิโอ กูเตอร์เรซ กล่าวปราศรัยที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ในวันแรกของการกลับมาทำงานหลังวันหยุดช่วงปีใหม่ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศและการรวมตัวแบบพหุภาคี
เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติกล่าวปราศรัยต่อเจ้าหน้าที่สหประชาชาติหลายร้อยคนว่า "เรากำลังเผชิญช่วงเวลาที่ท้าทาย ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับสหประชาชาติ ในการผลักดันแนวคิดพหุภาคี หรือการร่วมมือระหว่างหลายประเทศ"
นายกูเตอร์เรซ วัย 67 ปี เริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม ซึ่งเขาได้ระบุถึงปรัชญาการทำงานในช่วงการดำรงตำแหน่ง 5 ปีจากนี้ว่า สหประชาชาติจะต้องสามารถตอบสนองต่อความกังวลและปัญหาของผู้คนทั่วโลก ซึ่งเขายอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
เลขาธิการสหประชาชาติคนใหม่ยังได้ชี้ถึงจุดอ่อนและเความล้มเหลวของยูเอ็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนแปลง ปฏิรูปและพัฒนา ตลอดจนกำจัดความล้าสมัยและพิธีรีตองต่างๆ ของยูเอ็น ที่เป็นอุปสรรคต่อการจัดจ้างเจ้าหน้าที่และการตอบสนองต่อวิกฤติการณ์ต่างๆ
อดีตนายกรัฐมนตรีโปรตุเกสผู้นี้เคยดำรงตำแหน่งข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติระหว่างปี ค.ศ. 2005 - 2015
เขาเชื่อว่าโลกกำลังเผชิญความท้าทายหลายด้าน และเกิดความกังขาในบทบาทของยูเอ็นในการเป็นตัวกลางจัดการปัญหาท้าทายเหล่านั้น
ส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงบนเวทีโลกที่สหประชาชาติต้องเผชิฐ คือการเปลี่ยนผู้นำสหรัฐฯ จากประธานาธิบดีโอบาม่า ผู้สับสนุนความร่วมมือแบบพหุภาคีและยินดีทำงานร่วมกับยูเอ็น เป็นนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้เสนอนโยบาย "America First" หรือ "อเมริกามาก่อน"
โดนัลด์ ทรัมป์ ยังเคยระบุไว้ทางทวิตเตอร์ด้วยว่า "จะเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อยูเอ็น หลังวันที่ 20 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่เขาเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ"
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเคยกล่าวพาดพิงถึงยูเอ็นว่า "เป็นเพียงสถานที่ที่ผู้คนมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยสัพเพเหระเท่านั้น"
(ผู้สื่อข่าว Margaret Besheer รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)