ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ New York Times ของสหรัฐ และหนังสือพิมพ์ในยุโรปหลายฉบับนั้น ข้อความในเอกสารการติดต่อทางการทูตที่เป็นความลับของสหรัฐที่เว็บไซท์ Wikileaks นำออกเผยแพร่ มีทั้งก่อให้เกิดความขัดเขินน่าอดสูและความเสียหายร้ายแรง ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อสัมพันธภาพของสหรัฐกับหลายประเทศที่โดดเด่นที่สุด เห็นจะได้แก่ข้อความที่บ่งชี้ว่า ซาอุดิอาเรเบียละประเทศอาหรับอื่นๆ กำลังกดดันให้สหรัฐใช้การโจมตีทางทหารต่ออิหร่านเพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านพัฒนาอาวุธปรมาณู และมีข้อความที่บ่งชี้ว่า สหรัฐเชื่อว่า มีชาวซาอุดิอาเรเบียเป็นผู้ให้ความสนับสนุนทางการเงินรายสำคัญแก่กลุ่มก่อการร้ายอย่าง Al Qaida นอกจากนั้น มีเอกสารที่ระบุว่า อิหร่านได้รับขีปนาวุธทันสมัยจากเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นขีปนาวุธที่สามารถยิงถึงยุโรปตะวันตกและตะวันออกกลาง
หนังสือพิมพ์หลายฉบับ ลงข้อความที่ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ Hillary Clinton ขอให้นักการทูตอเมริกันสอดส่องประเทศอื่นๆ ที่องค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นการสร้างความคลุมเคลือในขอบเขตของการทูตและจารกรรม ที่น่าขัดเขินกว่านั้นคือ การพาดพิงถึงบุคคลิกภาพของผู้นำประเทศต่างๆ อย่าง นายวลาดิเมีย พูติน สมัยเป็นประธานาธิบดีของรัสเซียถูกเรียกว่า “Alpha Dog” นายกรัฐมนตรีของเยอรมันนี Angela Merkel ถูกเรียกว่า “Teflon” นายกรัฐมนตรีของอิตาลี ถูกกล่าวถึงว่า “feckless, vain” ประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ ของแอฟกานิสถานถูกกล่าวถึงว่า “driven by paranoia” และมีการกล่าวถึงสมาชิกในราชวงศ์อังกฤษที่ไม่ได้ระบุพระนามว่า มีจริยาวัตรที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น
สหรัฐและอักฤษประนามการนำเอกสารที่เป็นความลับดังกล่าวออกเผยแพร่ ว่าเป็นการกระทำที่ขาดความระมัดระวังและไม่รับผิดชอบ ซึ่งจะทำให้ชีวิตผู้บริสุทธิ์จำนวนมากเสี่ยงต่ออันตราย และอาจเป็นผลเสียหายต่อปฏิบัติการทางทหารที่กำลังดำเนินอยู่และต่อความร่วมมือระหว่างประเทศ
ที่กรุงปาริส เจ้าหน้าที่รัฐบาลฝรั่งเศส แถลงว่า ฝรั่งเศสสนับสนุนรัฐบาลประธานาธิบดีโอบามา ขณะที่สหรัฐกำลังดำเนินการควบคุมเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากที่เว็บไซท์ Wikileaks นำเอกสารการติดต่อทางการทูตของสหรัฐออกเผยแพร่
ส่วนทางด้านออสเตรเลีย รัฐมตรีว่าการยุติธรรม Robert McClelland กล่าวว่า การเผยแพร่เอกสารการติดต่อทางการทูตที่เป็นความลับดังกล่าว อาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่ถูกพาดพิงถึง และอาจยังความเสียหายต่อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐและประเทศพันธมิตร รวมทั้งออสเครเลีย และว่า ออสเตรเลียสนับสนุนการดำเนินงานทางกฏหมายใดๆ ก็ตามที่สหรัฐอาจทำ และทางการออสเตรเลียกำลังตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนว่า การทำเช่นนั้นละเมิดกฏหมายใดๆ ของออสเตรเลียหรือไม่
เอกสารเหล่านั้นราว 1,400 ฉบับเอ่ยถึงออสเตรเลีย และมีเคเบิลติดต่อที่ส่งจากสถานทูตสหรัฐในออสเตรเลียราว 1,000 ฉบับ
Julian Assange ผู้ก่อตั้ง Wikileaks เป็นพลเมืองออสเตรเลีย