ชาวทมิฬผู้โดนจับกุมในประเทศไทยในสัปดาห์นี้โดนควบตัวไว้ที่ศูนย์ควบคุมคนเข้าเมืองและจะโดนนำตัวขึ้นศาลไทยในข้อหาว่าฝ่าฝืนกฎหมายคนเข้าเมือง แหล่งข่าวในวงการนักการทูตทางเอเชียกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไทยจับกุมบุคคลเหล่านั้นเพราะเหตุที่ชาวศรีลังกาเผ่าทมิฬผู้เดินทางมาประเทศไทยโดยถือวีซ่านักท่องเที่ยวมีจำนวนมากขึ้น ในหมู่ชาวทมิฬ 130 คนที่โดนจับนั้นเป็นสตรีและเด็ก 60 กว่าคนและหลายคนพำนักอยู่ในประเทศไทยมานานถึง 3 ปีก็มี
กลุ่มสนับสนุนสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า หลายคนในจำนวนนั้นได้ยื่นคำร้องขอลี้ภัยต่อ UNHCR แล้ว
โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศไทย ธานี ทองภักดี กล่าวว่า เราคงทราบแล้วว่า เจ้าหน้าที่ไทยร่วมงานกับเจ้าหน้าที่ของมิตรประเทศอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับปัญหาการลักลอบค้ามนุษย์และว่าการจับกุมบุคคลเหล่านั้นเป็นความเพียรพยายามของเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายที่จะขบแก้ปัญหาดังกล่าว ดังนั้นการดำเนินงานทุกอย่างคำนึงถึงเรื่องการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับคนเข้าเมือง คุณ ธานี ทองภักดี กล่าวด้วยว่า จะมีการประเมินสถานะวีซ่าของผู้ที่โดนควบคุมตัวไว้แต่ละคน ส่วนใหญ่โดนตั้งข้อหาว่า วีซ่าหมดอายุ
ส่วนคุณ สุนัย ผาสุข ผู้แทนของกลุ่ม Human Rights Watch ในประเทศไทยกล่าวว่า รัฐบาลไทยไม่เคารพข้อผูกพันระหว่างประเทศที่ให้คุ้มครองผู้แสวงหาแหล่งสำหรับลี้ภัย ดังนั้น กรณีนี้อาจเป็นอีกกรณีหนึ่งที่จบลงอย่างน่าเศร้าใจ โดยผู้ที่สมควรได้รับการคุ้มครองตามข้อผูกพันระหว่างประเทศกลับโดนประเทศไทยเนรเทศไปสู่ที่ๆพวกเขาอาจจะเป็นอันตรายได้
สำหรับนักวิจัย เบญจามิน ซาแวกกี้ แห่งองค์กรนิรโทษกรรมสากลกล่าวว่า ฝ่ายไทยมิได้บ่งชี้ว่าคนเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับการลักลอบค้ามนุษย์ ดังนั้น ตอนนี้จึงเห็นได้ชัดว่า UNHCR จำต้องทำตามอำนาจมอบหมายของตนด้วยการสนับสนุนคนเหล่านั้น
เมื่อเดือนสิงหาคม ทางการแคนาดาควบคุมเรือที่จดทะเบียนในประเทศไทยลำหนึ่งซึ่งมีชาวทมิฬผู้แสวงหาแหล่งสำหรับลี้ภัยร่วม 500 คนโดยสารมา ทั้งนี้เพราะเจ้าหน้าที่แคนาดาเกรงว่าชาวทมิฬบางส่วนที่มากับเรือลำนั้นจะมีความเกี่ยวโยงกับขบวนการปลดแอกพยัคฆ์ทมิฬอีลาม ซึ่งหลายประเทศหาว่าเป็นขบวนการก่อการร้าย ส่วนออสเตรเลียนั้นก็มองเห็นว่า มีชาวทมิฬผู้พยายามเดินทางโดยทางเรือไปให้ถึงออสเตรเลียเพื่อแสวงหาที่ลี้ภัยที่ประเทศนั้นมากขึ้นเช่นกัน
