เหตุการณ์ก่อการร้ายสิบเอ็ดกันยายนในสหรัฐเมื่อสิบปีที่แล้ว เป็นเหตุการณ์บันดาลใจแก่กลุ่มมุสลิมสุดโต่งหลายๆกลุ่มในเอเชีย แต่ช่วงสิบปีที่ผ่านไป ปัญหาการก่อการร้ายในภาคพื้นเอเชียกลับลดลงและจำกัดอยู่แต่ในเขตห่างไกลจากเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว เอเชียประสบความสำเร็จในการปราบปรามการก่อการร้ายส่วนหนึ่งเป็นเพราะการบังคับใช้กฏหมายที่มีประสิทธิภาพและเอเชียไม่มีปัจจัยที่เป็นต้นเหตุของการก่อการร้าย
หลังจากเห็นแนวทางการตอบโต้ของกองทัพสหรัฐหลังเหตุการณ์สิบเอ็ดกันยายนสิบปีก่อน กลุ่มมุสลิมติดอาวุธในอินโดนีเซียหลายกลุ่มก็เลิกทำร้ายชาวคริสต์ในประเทศตนแล้วหันไปร่วมมือกับกลุ่มอัลไคด้าทำสงครามจิฮัดต่อชาติตะวันตก
การปรับกลยุทธของกลุ่มก่อการร้ายในอินโดนีเซียนี้ นำไปสู่การวางระเบิดแหล่งท่องเที่ยวที่บาหลีในอีกสองปีถัดมา มีคนเสียชีวิตมากกว่าสองร้อยคน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย มีการก่อการร้ายตามมาอีกหลายครั้งหลังจากนั้น แต่ความพยายามปราบปรามของภาครัฐได้ผลในห้วงสิบปีที่ผ่านมา มีการสลายกลุ่มก่อการร้ายไปหลายกลุ่ม นอกจากนี้คนทั่วไปไม่สนับสนุนแนวทางของกลุ่มก่อการร้ายที่มุ่งสังหารผู้บริสุทธิ์
คุณซิดนี่ โจนส์ นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สถาบัน International Crisis Group กล่าวว่า นอกจากนี้กลุ่มก่อการร้ายด้วยกันเองในพื้นที่ก็ไม่นิยมแนวกลยุทธที่มุ่งเป้าทำร้ายชาวตะวันตก
คุณซิดนี่ โจนส์ กล่าวว่า คนที่เข้าร่วมในขบวนการหัวรุนแรงต่างๆมักเข้าร่วมด้วยเหตุผลที่เกี่ยวพันกับท้องถิ่นตน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเห็นความสำคัญของการสร้างความเป็นปึกแผ่นกับชาวมุสลิมหัวรุนแรงทั่วโลกแต่สาเหตุหลักของการปฏิบัติการก่อการร้ายมักจะเป็นสาเหตุในท้องถิ่นเป็นหลัก
เธอบอกว่า ตอนนี้กลุ่มสุดโต่งทางศาสนาในอินโดนีเซียกลับไปทำงานแนวเดิม คือเป้าหมายเป็นเหยื่อในท้องถิ่น จะเห็นได้จากการวางระเบิดโรงแรมสองแห่งพร้อมกันในกรุงจาการ์ต้าเมื่อสองปีก่อน ถือเป็นก่อการร้ายครั้งรุนแรงล่าสุด แต่ขณะเดียวกันการก่อการร้ายต่อชนกลุ่มน้อยทางศาสนาในท้องถิ่นกับตำรวจก็เพิ่มขึ้นด้วย
ในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ จีน และเมืองไทย สาเหตุเบื้องหลังการก่อการร้ายล้วนเป็นสาเหตุในประเทศ
ในภาตใต้ของไทย มีการวางระเบิดโดยไม่เลือกเป้าหมายว่าเหยื่อจะเป็นใคร ตลอดจนการทำร้ายประชาชนทั่วไป ทางการเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มมุสลิมต่อต้านรัฐบาลที่ต้องการได้เอกราช
คุณศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถาณการณ์ภาคใต้ Deep South Watch กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า กลุ่มที่เกี่ยวข้องในการก่อความไม่สงบในภาคใต้ของไทยไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายระดับนานาชาติ
คุณศรีสมภพ บอกว่า ต้นตอของการก่อความไม่สงบน่าจะมาจากการเลือกปฏิบัติต่อคนกลุ่มน้อยในพื้นที่ที่มีเชื้อสายมาลายูมากกว่าความขัดแย้งด้านความเชื่อทางศาสนา และเขาเชื่อว่าความขัดแย้งในภาคใต้ของไทยจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีข้อตกลงทางการเมืองเกิดขึ้น
ในจีน เกิดเหตุการณ์รุนแรงและปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนชาวมุสลิมอุ้ยเก้อในพื้นที่กับชาวจีนฮั่นอพยพในมณฑลซินเจียงทางตะวันตกของจีน
เจียง เผ่ง จุง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัย Lingnan University ในฮ่องกง กล่าวว่า ปัญหาด้านเศรษฐกิจเป็นสาเหตุหลักของความขัดแย้งนี้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชาวจีนท่านนี้บอกว่าพูดไม่ได้ว่าจีนมีการปราบปรามคนกลุ่มน้อยเพราะรัฐบาลจีนจะยังไม่จัดการปราบปรามคนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆที่ขัดแย้งกันอยู่ในขณะนี้ รัฐบาลอาจจะออกมาปราบปรามก็ได้ถ้าความขัดแย้งลุกลามกลายเป็นความรุนแรง เขาบอกว่ารัฐบาลจีนได้พยายามแก้ปัญหาที่ต้นเหตุในทิศทางที่ถูกต้อง อาทิ ให้ทุนแก่ชาวอุ้ยเก้อให้ได้เรียนในมหาวิทยาลัย หรือหางานในมหาวิทยาลัยให้ชาวอุ้ยเก้อทำ
แต่ในอินโดนีเซีย ที่มีประชากรชาวมุสลิมมากที่สุดในโลก ปัญหาความรุนแรงจากการก่อการร้ายเพิ่มขึ้นมากที่สุดหลังเหตุการณ์สิบเอ็ดกันยายนในสหรัฐและเริ่มลดลงเรื่อยๆ คุณซิดนี่ โจนส์ บอกว่า ขณะที่การขุดรากถอนโคนกลุ่มก่อการร้ายในอินโดนีเซียได้ผล การแก้้ปัญหาที่ต้นตอของความไม่พอใจก็สำคัญ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า อินโดนีเซียประสบความสำเร็จในการลดการก่อการร้ายในประเทศส่วนหนึ่งเพราะประชาธิปไตยเริ่มเบ่งบาน
คุณโจนส์ กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า สาเหตุการก่อการร้ายในหลายๆประเทศมักมีสามสาเหตุ อย่างแรก มีการยึดครองพื้นที่อย่างที่เห็นในปาเลสไตน์หรือในเชชเนีย อย่างที่สองมีรัฐบาลกดขี่ และอย่างที่สาม มีการกีดกันกลุ่มคนอพยพในพื้นที่ แต่ในอินโดนีเซียกลับไม่มีสาเหตุทั้งสามอย่างเลย
ในขณะที่การก่อการร้ายในเอเชียลดลง คุณโจนส์กล่าวว่า เจ้าหน้าภาครัฐและประชาชนต้องไม่ปล่อยให้กลุ่มฝักใฝ่ความรุนแรงกลุ่มเล็กๆใดๆก็ตามใช้ความรุนแรงเป็นอาวุธในการแสดงจุดยืนของตนเป็นอันขาด
