ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ความเป็นธรรมด้านภาษีและช่องว่างรายได้จากกรณีของนาย Mitt Romney จะเป็นประเด็นหนึ่งในการเลือกตั้งปีนี้


ความเป็นธรรมด้านภาษีและช่องว่างรายได้จากกรณีของนาย Mitt Romney จะเป็นประเด็นหนึ่งในการเลือกตั้งปีนี้
ความเป็นธรรมด้านภาษีและช่องว่างรายได้จากกรณีของนาย Mitt Romney จะเป็นประเด็นหนึ่งในการเลือกตั้งปีนี้

ประเด็นเกี่ยวกับความเป็นธรรมด้านภาษีและช่องว่างของรายได้เป็นที่สนใจขึ้นมาเร็วๆ นี้จากกรณีของนาย Mitt Romney อดีตผู้ว่าการรัฐแมสสาชูเสทซึ่งเป็นผู้สมัครคนหนึ่งของพรรครีพับริกัน ที่พยายามแข่งขันเป็นตัวแทนพรรคเพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปลายปีนี้ หลังจากที่เขาเปิดเผยว่าตนมีทรัพย์สินส่วนตัวราว 190 - 250 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งนับว่าเป็นผู้ที่มีฐานะร่ำรวยมากที่สุดคนหนึ่งซึ่งพยายามเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะเดียวกันก็มีการเปิดเผยว่านาย Mitt Romney จ่ายภาษีเงินได้ให้กับรัฐบาลกลางในอัตราเพียงแค่ 15 % เมื่อเทียบกับชาวอเมริกันผู้มีรายได้สูงโดยทั่วไปที่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ในอัตราสูงสุดถึง 35 % และเรื่องนี้ทำให้มีการโต้เถียงกันขึ้นในเรื่องความเป็นธรรมของระบบภาษีในสหรัฐฯ

รายได้ของนาย Mitt Romney ทำให้เขาอยู่ในกลุ่มคนอเมริกันผู้มีรายได้สูงที่สุด 1 % ของสังคม แต่เขากล่าวว่าในช่วงสิบปีที่ผ่านมารายได้ส่วนใหญ่ของเขามาจากการลงทุน ซึ่งผลกำไรหรือรายได้จากการลงทุนนี้จะเสียภาษีสูงสุดในอัตราเพียงแค่ 15 % เมื่อเทียบกับอัตราภาษี 35 % สำหรับคนอเมริกันที่มีรายได้จากเงินเดือนเกินกว่า 379,151 ดอลล่าร์ขึ้นไป

อาจารย์ Larry Sabato ผู้สอนวิชารัฐศาสตร์และนักวิเคราะห์การเมืองของ University of Virginia ชี้ว่าเรื่องความเป็นธรรมด้านภาษีและช่องว่างของรายได้นั้นคงจะเป็นประเด็นหนึ่งที่สำคัญในการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีขึ้นปลายปีนี้เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ไม่ค่อยดี อาจารย์ Larry Sabato กล่าวว่าหากเศรษฐกิจไปได้ดีคนทั่วไปก็จะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งในสังคมซึ่งร่ำรวยมหาศาล แต่ยามที่เศรษกิจฝืดเคืองผู้คนก็จะสนใจเรื่องช่องว่างของรายได้ทำให้เรามักได้ยินเรื่องนี้บ่อยครั้ง ทั้งในระหว่างการรณรงค์หาเสียงและในการถกอภิปรายในที่สาธารณะต่างๆ

อย่างไรก็ตาม อาจารย์ Larry Sabato กล่าวว่า ถึงแม้เรื่องช่องว่างของรายได้และความเป็นธรรมด้านภาษีจะสำคัญ แต่ตนก็คิดว่าปัญหาเศรษฐกิจโดยส่วนรวมจะเป็นเครื่องตัดสินผลการเลือกตั้งปลายปีนี้มากกว่า และว่าหากเศรษฐกิจดีขึ้น ประธานาธิบดีโอบาม่าก็น่าจะได้รับเลือกตั้งกลับมาอีกครั้ง แต่ถ้าเศรษฐกิจยังคงเป็นอยู่เหมือนในปัจจุบันหรือเลวลง ก็เชื่อว่าประธานาธิบดีโอบาม่าอาจจะแพ้การเลือกตั้งได้

ขณะนี้ถึงแม้ว่าอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8.5 % ก็ตามแต่ก็ยังมีคนอเมริกันที่ตกงานอยู่ถึงราว 13 ล้านคน และถึงแม้ประธานาธิบดีโอบาม่าจะเรียกร้องให้เก็บภาษีจากกลุ่มคนที่รวยที่สุดเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่สมาชิกพรรครีพับริกันในรัฐสภาต่อต้านเรื่องนี้โดยอ้างว่า การเก็บภาษีจากคนรวยมากขึ้นจะเป็นอุปสรรคต่อการสร้างงานในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังอ่อนตัว

XS
SM
MD
LG