องค์การอนามัยโลกประเมินว่า ในแต่ละปีมีเด็กทั่วโลกราว 250,000 คนเสียชีวิตจากโรคขาดสารอาหารประเภทวิตามินเอ ซึ่งทำให้มีปัญหาทางสายตาและป่วยเป็นโรคต่างๆได้ง่าย นั่นคือเหตุผลที่ทำให้องค์การอนามัยโลกและองค์การความช่วยเหลือต่างๆพยายามรณรงค์ให้ประชาชนทานมันเทศ เพราะปลูกง่ายและราคาถูก
อย่างไรก็ตามคุณ Jan Low แห่งศูนย์มันฝรั่งระหว่างประเทศซึ่งเป็นสถาบันวิจัยระดับโลก ชี้ว่ามันเทศที่นิยมปลูกในอาฟริกานั้น มักจะเป็นพันธุ์ที่มีเนื้อสีขาวหรือสีเหลืองอ่อนซึ่งมีระดับวิตามินเอต่ำ สิ่งที่ศูนย์กำลังพยายามทำในขณะนี้ก็คือการรณรงค์ให้ประชาชนหันมาปลูกและนิยมรับประทานมันเทศสีส้มซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีระดับวิตามินเอสูงกว่า ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์และการตลาดเพื่อให้เห็นคุณค่าของมันเทศสีส้ม
คุณ Jan Low บอกว่าบริษัทสินค้าอย่างโคคาโคล่า ใช้วิธีการตลาดเพื่อสร้างความยอมรับและกระจายสินค้าไปเกือบทุกมุมโลก แล้วทำไมจะใช้แนวทางการตลาดนั้นกับสินค้าเกษตรที่ดีบ้างไม่ได้ และเพื่อสนับสนุนการทำตลาดตามพื้นที่ชนบทห่างไกลที่ไม่มีโทรทัศน์หรือวิทยุ โครงการประชาสัมพันธ์มันเทศนี้จึงใช้วิธีการร้องรำทำเพลงตามศาลากลางหมู่บ้าน พร้อมบอกเล่าเรื่องราวคุณประโยชน์ของมันเทศให้ชาวบ้านฟัง และนอกจากเพลงสนุกๆแล้ว บรรดานักรณรงค์ยังพากันสวมเสื้อสีส้ม สวมหมวกส้ม ขับรถสีส้ม อีกทั้งยังทาสีและจัดบริเวณการแสดงเป็นสีส้ม เพื่อประชาสัมพันธ์ว่ามันเทศที่ดีมีวิตามินสูง ต้องสีส้มเท่านั้น
คุณ Jan Low บอกว่า การสร้างยี่ห้อสีส้มนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยโฆษณามันเทศสีส้มๆได้ และยังมีส่วนเกี่ยวโยงไปถึงการมีสุขภาพที่ดีด้วย ซึ่งความสำเร็จในเรื่องนี้ได้รับความชื่นชมจากคุณ Dan Gustafson หัวหน้าสำนักงานอาหารและการเกษตรสหประชาชาติในกรุงวอชิงตันที่บอกว่า โครงการรณรงค์สุขภาพต่างๆที่ผ่านมาส่วนใหญ่มักจะล้มเหลวเพราะคนทำงานไม่เข้าใจว่าผู้บริโภคต้องการอะไร แต่โครงการนี้น่าจะประสบความสำเร็จได้เพราะมีความแตกต่างที่ไม่มากเกินไประหว่างมันเทศสีส้มกับมันเทศพันธุ์พื้นเมือง และที่สำคัญมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ดี
คุณ Gustafson เชื่อว่าโครงการประชาสัมพันธ์มันเทศสีส้มนี้จะช่วยพัฒนาสุขภาพของประชาชนและลดปัญหาขาดแคลนวิตามินเอในอาฟริกาได้มากทีเดียว ในขณะที่บรรดานักรณรงค์สีส้มต่างหวังว่า ต่อไปเมื่อพูดถึงวิตามินเอ ชาวบ้านในอาฟริกาจะนึกถึงสีส้มๆลอยมาก่อนเป็นอันดับแรก
