ราชวงศ์อังกฤษและภาคธุรกิจต่างๆในสหราชอาณาจักรกำลังคาดหวังว่า รัชทายาทองค์ใหม่ในเจ้าชายวิลเลี่ยมส์และเจ้าหญิงเคท จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาของอังกฤษให้เกิดใหม่ได้อีกครั้ง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวกับเด็กทารก และคาดว่าจะช่วยส่งเสริมภาพพจน์ของราชวงศ์อังกฤษให้ดียิ่งขึ้น
นักวิเคราะห์ประเมินว่ายอดขายปลีกสินค้าในอังกฤษจะเพิ่มขึ้นราว 780 ล้านดอลล่าร์ โดยอ้างอิงจากยอดขายในช่วงที่มีพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลี่ยมส์กับเจ้าหญิงเคทเมื่อ 2 ปีก่อน และพิธีฉลองครบรอบการครองราชย์ของพระราชินีเอลิซาเบ็ธที่ 2 เมื่อปีที่แล้ว
คุณเฮเลน ดิกคินสัน ผอ.สมาพันธ์ผู้ค้าปลีกของอังกฤษชี้ว่า ผลกระทบโดยตรงคือ สินค้าสำหรับเด็กทารก ของที่ระลึก และสินค้ายี่ห้อที่รัชทายาทองค์ใหม่ทรงใช้จะมียอดขายเพิ่มขึ้น ส่วนผลกระทบทางอ้อมคือ การที่คนอังกฤษมีอารมณ์แจ่มใส มีความสุขกันถ้วนหน้าในช่วงนี้ จะทำให้ยอดขายสินค้าอื่นๆโดยรวมเพิ่มขึ้นด้วย รวมถึงยอดขายเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่ชาวต่างชาติอาจสนใจซื้อสินค้าที่ผลิตในอังกฤษมากขึ้น เพราะกระแสความนิยมในเจ้าชายองค์ใหม่
อีกส่วนหนึ่งที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย คือภาคการท่องเที่ยวของอังกฤษซึ่งเป็นภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อันดับ 5 ของประเทศ ที่ผ่านมาราชวงศ์อังกฤษมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการท่องเที่ยว เห็นได้จากเมื่อมีพิธีสำคัญต่างๆ มักจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในอังกฤษเพิ่มขึ้น และครั้งนี้ก็เช่นกัน
คุณแคลริสสา แคมเบิ่ล ออร์ นักประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย Anglia Ruskin ในอังกฤษชี้ว่า ราชวงศ์อังกฤษคือสัญลักษณ์ของสหราชอาณาจักร ที่รวมเอาประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี และความใกล้ชิดกับประชาชนไว้ด้วยกัน โดยผลการสำรวจความเห็นครั้งล่าสุดชี้ว่า ราชวงส์อังกฤษไดรับความนิยมสูงสุดเป็นสถิติใหม่ในหมู่ประชาชนอังกฤษที่ระดับ 77% หลังจากความนิยมเริ่มลดลงไปตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์กับเจ้าหญิงไดอาน่า พระราชชนนีของเจ้าชายวิลเลี่ยมส์และเจ้าชายเฮนรี่
บรรดาบริษัทสินค้าต่างชาติก็กำลังเกาะกระแสเจ้าชายน้อยเช่นกัน และได้ผลิตโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับรัชทายาทองค์ใหม่ออกมาอย่างว่องไว เช่น โฆษณาของ Johnson & Johnson ที่มีภาพเด็กผมเปียกแชมพูสระและตั้งเด่เหมือนมงกุฏน้อยๆ โฆษณาผ้าอ้อมเด็ก Pampers ที่มีข้อความระบุว่า ‘เด็กทุกคนคือเจ้าชายหรือเจ้าหญิง’ ส่วน Pizza Hut มีโปรโมชั่นลดราคาพิเศษด้วยการใส่คำว่า Royaloffer เวลาสั่งพิซซ่า ขณะที่ Dunkin Donut ก้ผลิตโดนัทแบบพิเศษ Royal Munchkin ออกมาให้ลิ้มลองเป็นการเกาะกระแสเช่นกัน
รายงานและเรียบเรียงโดย ทรงพจน์ สุภาผล
นักวิเคราะห์ประเมินว่ายอดขายปลีกสินค้าในอังกฤษจะเพิ่มขึ้นราว 780 ล้านดอลล่าร์ โดยอ้างอิงจากยอดขายในช่วงที่มีพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลี่ยมส์กับเจ้าหญิงเคทเมื่อ 2 ปีก่อน และพิธีฉลองครบรอบการครองราชย์ของพระราชินีเอลิซาเบ็ธที่ 2 เมื่อปีที่แล้ว
คุณเฮเลน ดิกคินสัน ผอ.สมาพันธ์ผู้ค้าปลีกของอังกฤษชี้ว่า ผลกระทบโดยตรงคือ สินค้าสำหรับเด็กทารก ของที่ระลึก และสินค้ายี่ห้อที่รัชทายาทองค์ใหม่ทรงใช้จะมียอดขายเพิ่มขึ้น ส่วนผลกระทบทางอ้อมคือ การที่คนอังกฤษมีอารมณ์แจ่มใส มีความสุขกันถ้วนหน้าในช่วงนี้ จะทำให้ยอดขายสินค้าอื่นๆโดยรวมเพิ่มขึ้นด้วย รวมถึงยอดขายเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่ชาวต่างชาติอาจสนใจซื้อสินค้าที่ผลิตในอังกฤษมากขึ้น เพราะกระแสความนิยมในเจ้าชายองค์ใหม่
อีกส่วนหนึ่งที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย คือภาคการท่องเที่ยวของอังกฤษซึ่งเป็นภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อันดับ 5 ของประเทศ ที่ผ่านมาราชวงศ์อังกฤษมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการท่องเที่ยว เห็นได้จากเมื่อมีพิธีสำคัญต่างๆ มักจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในอังกฤษเพิ่มขึ้น และครั้งนี้ก็เช่นกัน
คุณแคลริสสา แคมเบิ่ล ออร์ นักประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย Anglia Ruskin ในอังกฤษชี้ว่า ราชวงศ์อังกฤษคือสัญลักษณ์ของสหราชอาณาจักร ที่รวมเอาประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี และความใกล้ชิดกับประชาชนไว้ด้วยกัน โดยผลการสำรวจความเห็นครั้งล่าสุดชี้ว่า ราชวงส์อังกฤษไดรับความนิยมสูงสุดเป็นสถิติใหม่ในหมู่ประชาชนอังกฤษที่ระดับ 77% หลังจากความนิยมเริ่มลดลงไปตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์กับเจ้าหญิงไดอาน่า พระราชชนนีของเจ้าชายวิลเลี่ยมส์และเจ้าชายเฮนรี่
บรรดาบริษัทสินค้าต่างชาติก็กำลังเกาะกระแสเจ้าชายน้อยเช่นกัน และได้ผลิตโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับรัชทายาทองค์ใหม่ออกมาอย่างว่องไว เช่น โฆษณาของ Johnson & Johnson ที่มีภาพเด็กผมเปียกแชมพูสระและตั้งเด่เหมือนมงกุฏน้อยๆ โฆษณาผ้าอ้อมเด็ก Pampers ที่มีข้อความระบุว่า ‘เด็กทุกคนคือเจ้าชายหรือเจ้าหญิง’ ส่วน Pizza Hut มีโปรโมชั่นลดราคาพิเศษด้วยการใส่คำว่า Royaloffer เวลาสั่งพิซซ่า ขณะที่ Dunkin Donut ก้ผลิตโดนัทแบบพิเศษ Royal Munchkin ออกมาให้ลิ้มลองเป็นการเกาะกระแสเช่นกัน
รายงานและเรียบเรียงโดย ทรงพจน์ สุภาผล
