ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ความรักนั้นนอกจากไม่ได้สร้างความเจ็บปวดแล้ว ยังช่วยรักษาความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจได้อีกด้วย


ความรักนั้นนอกจากไม่ได้สร้างความเจ็บปวดแล้ว ยังช่วยรักษาความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจได้อีกด้วย
ความรักนั้นนอกจากไม่ได้สร้างความเจ็บปวดแล้ว ยังช่วยรักษาความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจได้อีกด้วย

รายงานวิจัยชิ้นล่าสุดซึ่งเผยแพร่ในวารสาร PLoS ONE ชี้ว่าจริงๆแล้วความรักนั้นนอกจากไม่ได้สร้างความเจ็บปวดแล้ว ยังช่วยรักษาความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจได้อีกด้วย

รายงานวิจัยชิ้นล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Stanford ซึ่งเผยแพร่ในวารสาร PLoS ONE ชี้ว่าความรักช่วยรักษาความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจได้ โดยนักวิจัยรวบรวมข้อมูลจากนักศึกษาวัยรุ่น 15 คนซึ่งกำลังตกอยู่ในห้วงรักครั้งแรกในช่วงเริ่มต้นของความสัมพันธ์ อย่างที่เรียกกันว่ามองทุกอย่างเป็นสีชมพู

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Jarred Younger ผู้จัดทำรายงานชิ้นนี้ต้องการทดสอบว่า ความรักที่รุ่มร้อนรุนแรง จะช่วยกระตุ้นการตอบสนองทางชีวเคมีของสมองให้ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงรักนั้นมีความรู้สึกดีดีเหมือนการใช้ยาเสพติดหรือดื่มเหล้าได้หรือไม่ นักวิจัยผู้นี้บอกว่ายาเสพติดส่วนใหญ่มีสรรพคุณในการลดความเจ็บปวด ดังนั้นความรักก็น่าจะมีสรรพคุณในการลดความเจ็บปวดรวดร้าวได้เช่นกัน

นักวิจัยใช้เครื่อง MRI หรือระบบสร้างภาพจากการสั่นพ้องของคลื่นสนามแม่เหล็ก เพื่อสร้างภาพจำลองในสมองของกลุ่มตัวอย่างในขณะที่กลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นเหล่านั้นกำลังจ้องมองรูปของคนรักและเพื่อนๆ พร้อมกับถืออุปกรณ์นำความร้อนซึ่งสร้างความปวดแสบปวดร้อนพอประมาณไว้ในมือ จากการทดลองดังกล่าวผู้ช่วยศาสตราจารย์ Younger ระบุว่ากลุ่มตัวอย่างที่เพ่งมองรูปคนรักของตนมีความเจ็บปวดน้อยกว่ากลุ่มที่จ้องมองรูปเพื่อนๆ

นักวิจัยสรุปว่าหากเป็นความเจ็บปวดระดับกลาง การคิดถึงคนรักจะช่วยลดความเจ็บปวดนั้นได้ราว 45% ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่ายาแก้ปวดที่วางขายอยู่ทั่วไป แต่หากเป็นความเจ็บปวดขั้นสาหัส ความรู้สึกหลงรักอย่างเข้มข้นสามารถช่วยลดความเจ็บปวดลงได้เพียง 12% ซึ่งแม้จะเป็นระดับที่ไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่ายาแก้ปวดชนิดแรงบางประเภทอยู่ดี แต่คำถามที่นักวิทยาศาสตร์ยังต้องหาคำตอบต่อไปก็คือ สรรพคุณของความรักในการลดความเจ็บปวดนี้จะอยู่ยืนยาวแค่ไหน และความสัมพันธ์ระยะยาวที่ใช้เวลาสั่งสมมานานๆนั้นจะให้ผลแบบเดียวกันหรือไม่

XS
SM
MD
LG