นิตยสาร Forbes จัดอันดับให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียเป็นผู้ทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งของโลก ในรายชื่อบุคคลที่ทรงอำนาจที่สุดสำหรับปีนี้ซึ่งเพิ่งประกาศออกมา
Forbes ให้เหตุผลว่า ประธานาธิบดีรัสเซียยังคงเป็นบุคคลเพียงไม่กี่คนในโลกที่ทรงอำนาจมากพอที่จะทำอะไรก็ได้โดยสามารถรอดพ้นผลกระทบต่างๆ ที่ตามมา ซึ่งปีนี้เป็นปีที่สามติดต่อกันที่ประธานาธิบดีปูตินติดอันดับหนึ่ง
แต่ที่เสียตำแหน่งที่สองไปคือประธานาธิบดีโอบามาของสหรัฐฯ ที่ปีนี้มาอยู่ในอันดับสาม หลีกทางให้กับนายกรัฐมนตรีเยอรมนี นางอังเกล่า เมอร์เคิ่ล
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีที่ประธานาธิบดีโอบามาไม่อยู่ในตำแหน่งหนึ่งหรือสองในทำเนียบผู้ทรงอิทธิพลของนิตยสาร Forbes
ในปีนี้มีผู้ติดโผผู้ทรงอิทธิพลของโลกทั้งหมด 73 คน
พระสันตะปาปาฟรานซิสอยู่ที่อันดับสี่เช่นเดียวกันกับปีที่แล้ว นำหน้าผู้นำจีน ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ซึ่งติดอันดับ 5 ลดลง 2 อันดับจากปีที่แล้ว แต่ที่ไต่ขึ้นมากที่สุดคือ นายกรัฐมนตรีชินโซ่ อาเบะ ของญี่ปุ่นที่พุ่งจากอันดับ 49 มาอยู่ที่ 22
คู่แข่งทางการเมืองอเมริกันสองรายใหญ่ คือนางฮิลลารี่ คลินตั้น ที่กำลังหาเสียงในการคัดเลือกผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปีหน้าจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมพ์ จากรีพับลิกัน ก็ติดโผเช่นกัน โดยอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งและอดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ฮิลลารี่ คลินตั้น อยู่อันดับที่ 58 และ มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์โดนัลด์ ทรัมพ์ ติดที่ 72
ปีนี้มีผู้เข้าทำเนียบบุคคลที่ทรงอิทธิพลของโลกรายใหม่ที่น่าสนใจ เช่น กษัตริย์ของซาอุดิอาระเบีย King Salman bin Abdulaziz ที่อยู่อันดับ 14
บุคคลที่ติดโผซึ่งอายุน้อยที่สุดคือ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอ Facebook อายุ 31 ปี เขาอยู่อันดับ 19 ขณะที่ คิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ อายุ 32 ปี เป็นผู้ที่อายุน้อยที่สุดอันดับสองรองจาก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก โดยที่ผู้นำเกาหลีเหนือติดอันดับ 46
(รายงานโดย Forbes และ VOA / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)
