องค์การอนามัยโลก (WHO) กำลังจับตาดูจำนวนผู้ป่วยและผู้ที่เสียชีวิตแล้วด้วยเชื้อ Coronavirus สายพันธุ์ใหม่ในตะวันออกกลาง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ใกล้ชิดกับไข้หวัด SARS หรือโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรงที่ระบาดออกมาทั่วโลกเมื่อปี 2003 และทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเกือบ 800 คน
คำถามที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบาดวิทยาต้องการคำตอบ คือ แหล่งที่มาของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ และการติดหรือแพร่เชื้อนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร
Gregory Hartl โฆษกขององค์การอนามัยโลก บอกกับ VOA ทางโทรศัพท์จากนครเจนีวา ในสวิสเซอแลนด์ว่า จนถึงขณะนี้ มีผู้ป่วยด้วยเชื้อไวรัสนี้ที่ยืนยันได้แล้ว 50 คน และ 30 คนเสียชีวิตไปแล้ว
เจ้าหน้าที่ของ WHO บอกไว้ด้วยว่า สองในสามของผู้ป่วยอยู่ในซาอุดิ อเรเบีย และว่า มีผู้คนใน 8 ประเทศที่ล้มป่วยลงด้วยไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ ซึ่งรวมทั้งทูนิเชีย จอร์แดน อังกฤษและฝรั่งเศส
แต่เขาให้ความเห็นว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ในตะวันออกกลาง หรือไม่ก็เป็นผู้ที่เคยเดินทางไปคาบสมุทรอาหรับ อย่างในกรณีผู้ป่วยในอังกฤษ และที่เสียชีวิตเมื่อเร็วๆนี้ในฝรั่งเศส
ด้วยเหตุนี้ จึงเรียกชื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้กันว่า Middle East Respiratory Syndrome ย่อว่า Mers และองค์การอนามัยโลกกล่าวไว้ว่า ดูเหมือนว่าเชื้อไวรัสใหม่นี้จะมาจากค้างคาว
เมื่อคาดคะเนกันได้แล้วว่า แหล่งที่มาของเชื้อ Coronovirus สายพันธุ์ใหม่นี้คือ คาบสมุทรอาหรับ หรือ ซาอุดิ อเรเบีย โดยเฉพาะเจาะจง เรื่องที่ต้องพิจารณาหาคำตอบกันต่อไปคือ เชื้อไวรัสนี้แพร่ออกไปได้อย่างไร
นายแพทย์ Anthony Fauci ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐ บอกว่า ยังไม่รู้ว่าเชื้อไวรัสนี้แพร่ถึงมนุษย์ได้อย่างไร แต่สันนิษฐานว่า ผู้ป่วยไปสัมผัสสัตว์ที่ติดเชื้อมาโดยไม่ตั้งใจ และลักษณะสำคัญเท่าที่รู้ก็คือ เชื้อไวรัสนี้แพร่จากคนไปสู่คนด้วยกันไม่ได้ง่ายๆ แต่กำลังวิตกกังวลกันว่า ไวรัสจะกลายพันธุ์และสามารถแพร่เชื้อในหมู่มนุษย์ได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นขึ้นมา ก็อาจแพร่ระบาดไปทั่วโลกได้
และแม้จำนวนผู้ป่วยจะยังไม่มาก นายแพทย์ผู้นี้บอกว่าไม่ควรวางใจ และเปรียบเทียบให้ฟังว่า ไข้หวัดใหญ่โดยทั่วไป ซึ่งผู้คนนับล้านๆคนติดเชื้อนั้น อัตราการเสียชีวิตน้อยมาก ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ Mers มีผู้เสียชีวิต 30 คนจากจำนวนผู้ป่วย 50 คน หรือราวๆ 60% ซึ่งนับว่าสูงมาก
Gregory Hartl โฆษกขององค์การอนามัยโลกบอกว่า จะต้องหาคำตอบให้ได้ว่ามนุษย์ติดเชื้อไวรัสนี้มาได้อย่างไรและที่ไหน เพื่อจะได้หาทางควบคุม และยังจะต้องหาทางพัฒนาวิธีบำบัดรักษา ทั้งที่เป็นวัคซีนและยาต้านไวรัส ซึ่งยังไม่มีกันในเวลานี้
มีผู้แสวงบุญนับล้านๆคนเดินทางไปซาอุดิ อเรเบียทุกปี และองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า กำลังจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ขณะนี้ ยังไม่เสนอแนะให้จำกัดการเดินทางหรือการค้ากับตะวันออกกลางแต่อย่างใด
คำถามที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบาดวิทยาต้องการคำตอบ คือ แหล่งที่มาของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ และการติดหรือแพร่เชื้อนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร
Gregory Hartl โฆษกขององค์การอนามัยโลก บอกกับ VOA ทางโทรศัพท์จากนครเจนีวา ในสวิสเซอแลนด์ว่า จนถึงขณะนี้ มีผู้ป่วยด้วยเชื้อไวรัสนี้ที่ยืนยันได้แล้ว 50 คน และ 30 คนเสียชีวิตไปแล้ว
เจ้าหน้าที่ของ WHO บอกไว้ด้วยว่า สองในสามของผู้ป่วยอยู่ในซาอุดิ อเรเบีย และว่า มีผู้คนใน 8 ประเทศที่ล้มป่วยลงด้วยไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ ซึ่งรวมทั้งทูนิเชีย จอร์แดน อังกฤษและฝรั่งเศส
แต่เขาให้ความเห็นว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ในตะวันออกกลาง หรือไม่ก็เป็นผู้ที่เคยเดินทางไปคาบสมุทรอาหรับ อย่างในกรณีผู้ป่วยในอังกฤษ และที่เสียชีวิตเมื่อเร็วๆนี้ในฝรั่งเศส
ด้วยเหตุนี้ จึงเรียกชื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้กันว่า Middle East Respiratory Syndrome ย่อว่า Mers และองค์การอนามัยโลกกล่าวไว้ว่า ดูเหมือนว่าเชื้อไวรัสใหม่นี้จะมาจากค้างคาว
เมื่อคาดคะเนกันได้แล้วว่า แหล่งที่มาของเชื้อ Coronovirus สายพันธุ์ใหม่นี้คือ คาบสมุทรอาหรับ หรือ ซาอุดิ อเรเบีย โดยเฉพาะเจาะจง เรื่องที่ต้องพิจารณาหาคำตอบกันต่อไปคือ เชื้อไวรัสนี้แพร่ออกไปได้อย่างไร
นายแพทย์ Anthony Fauci ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐ บอกว่า ยังไม่รู้ว่าเชื้อไวรัสนี้แพร่ถึงมนุษย์ได้อย่างไร แต่สันนิษฐานว่า ผู้ป่วยไปสัมผัสสัตว์ที่ติดเชื้อมาโดยไม่ตั้งใจ และลักษณะสำคัญเท่าที่รู้ก็คือ เชื้อไวรัสนี้แพร่จากคนไปสู่คนด้วยกันไม่ได้ง่ายๆ แต่กำลังวิตกกังวลกันว่า ไวรัสจะกลายพันธุ์และสามารถแพร่เชื้อในหมู่มนุษย์ได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นขึ้นมา ก็อาจแพร่ระบาดไปทั่วโลกได้
และแม้จำนวนผู้ป่วยจะยังไม่มาก นายแพทย์ผู้นี้บอกว่าไม่ควรวางใจ และเปรียบเทียบให้ฟังว่า ไข้หวัดใหญ่โดยทั่วไป ซึ่งผู้คนนับล้านๆคนติดเชื้อนั้น อัตราการเสียชีวิตน้อยมาก ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ Mers มีผู้เสียชีวิต 30 คนจากจำนวนผู้ป่วย 50 คน หรือราวๆ 60% ซึ่งนับว่าสูงมาก
Gregory Hartl โฆษกขององค์การอนามัยโลกบอกว่า จะต้องหาคำตอบให้ได้ว่ามนุษย์ติดเชื้อไวรัสนี้มาได้อย่างไรและที่ไหน เพื่อจะได้หาทางควบคุม และยังจะต้องหาทางพัฒนาวิธีบำบัดรักษา ทั้งที่เป็นวัคซีนและยาต้านไวรัส ซึ่งยังไม่มีกันในเวลานี้
มีผู้แสวงบุญนับล้านๆคนเดินทางไปซาอุดิ อเรเบียทุกปี และองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า กำลังจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ขณะนี้ ยังไม่เสนอแนะให้จำกัดการเดินทางหรือการค้ากับตะวันออกกลางแต่อย่างใด
