มีชายชาวเกาหลีใต้หลายหมื่นคนที่แต่งงานกับหญิงชาวต่างชาติในช่วงสิบปีที่ผ่านมาแต่ทางการเกาหลีใต้ระบุว่ามีคู่สมรสจำนวนมากที่หย่าร้างและทางการกำลังพยายามหาทางแก้ไขปัญหานี้
คุณ Lee Soo-yeon หญิงชาวเวียดนามที่แต่งงานกับชายชาวเกาหลีใต้และได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อเกาหลีแทนชื่นเดิม เธออายุ 36 ปี ทำงานเป็นล่ามแปลที่ศูนย์เพื่อผู้หญิงอพยพย้ายถิ่นในเมือง Asan ที่อยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางใต้ราว 48 กิโลเมตร เธอบอกว่าชีวิตแต่งงานของเธอกับสามีชาวเกาหลีใต้ที่ยาวนาน 6 ปี ไม่ราบรื่นนัก
เธอกล่าวว่าในตอนแรกๆ เธอกับสามีสื่อสารกันได้ไม่ดีนัก มาตอนหลังๆ เริ่มทะเลาะกันบ่อยมากและสามีทุบตี เธอบอกว่าไม่เกลียดสามีเพราะรู้ว่าเขามีปัญหาติดสุรา
คุณ Lee บอกว่าแม่สามีเป็นผู้ดูแลลูกชายที่ยังเล็กแต่เธอไม่คิดว่าจะกลับไปคืนดีกับสามีแล้ว คุณ Lee โทษว่าเป็นความผิดของสำนักงานจัดหาคู่ที่แนะนำทั้งคู่ให้ได้พบกันที่เวียดนาม
เธอกล่าวว่าบริษัทจัดหาคู่แต่งงานไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้ชายที่แนะนำให้แก่ฝ่ายหญิง เธอกล่าวว่ามีความจำเป็นมากที่ผู้หญิงต้องได้รับข้อมูลส่วนตัวมากขึ้นเกี่ยวกับฝ่ายชาย อุปนิสัยใจคอและความมั่นคงทางการเงิน
ทางการเกาหลีใต้ตระหนักเห็นปัญหาอัตราการหย่าร้างที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างชายชาวเกาหลีใต้กับหญิงต่างชาติ จึงออกกฏระเบียบใหม่เกี่ยวกับการออกวีซ่าเพื่อการแต่งงาน
กฏระเบียบใหม่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดด้านการเงินและคู่หมั้นต้องแสดงให้เห็นว่าสามารถสื่อสารกันได้ด้วยภาษาใดภาษาหนึ่ง
คุณ Chung Chin-sung ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาที่มหาวิทยาลัย Seoul National University ซึ่งให้คำปรึกษาแก่ทางการเกาหลีใต้ด้านนโยบายครอบครัวต่างวัฒนธรรม เธอคิดว่าข้อกำหนดด้านการสื่อสารด้วยภาษาเดียวกันจะช่วยปรับปรุงให้ความสัมพันธ์ของคู่แต่งงานดีขึ้น แต่ข้อกำหนดใหม่ที่เกี่ยวกับการออกวีซ่าการแต่งงาน ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหานี้ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญของการแต่งงานกับชาวชาติ
ศาสตราจารย์ Chung กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าจำเป็นต้องมีการแก้ปัญหาเรื่องการจัดหาคู่ที่ผู้หญิงถูกปฏิบัติต่อเหมือนกับเป็นสินค้าไม่ใช่มนุษย์
ศาสตราจารย์ Chung ชี้ว่าการแก้ปัญหานี้ทำได้ด้วยการสั่งห้ามสำนักงานจัดหาคู่ที่จัดการแต่งงานให้แก่ลูกค้าอย่างรวดเร็วโดยที่คนทั้งสองยังไม่รู้จักนิสัยใจคอกันดี
คุณ Jolly Regacho ที่ปรึกษาประจำที่ศูนย์คนอพยพย้ายถิ่นที่เมือง Asan กล่าวว่าทางการเกาหลีใต้ต้องการให้การแต่งงานยั่งยืน การให้การศึกษาแก่ชายชาวเกาหลีใต้เกี่ยวกับการแต่งงานกับชาวต่างชาติน่าจะช่วยได้
คุณ Jolly Regacho กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าทางการเกาหลีใต้ควรจัดทำโครงการสำหรับสามีชาวเกาหลีใต้ ให้เรียนรู้วัฒนธรรมของฝ่ายภรรยาด้วย
สุดท้าย คุณ Lee Soo-yeon หญิงชาวเวียดนามที่อพยพไปอยู่เกาหลีใต้กล่าวว่า แม้จะหย่าขาดกับสามีชาวเกาหลีใต้ เธอไม่คิดจะย้ายกลับเวียดนาม เธอบอกว่าจะยังอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้เพราะนี่คือบ้านแห่งใหม่ของเธอ
คุณ Lee Soo-yeon หญิงชาวเวียดนามที่แต่งงานกับชายชาวเกาหลีใต้และได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อเกาหลีแทนชื่นเดิม เธออายุ 36 ปี ทำงานเป็นล่ามแปลที่ศูนย์เพื่อผู้หญิงอพยพย้ายถิ่นในเมือง Asan ที่อยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางใต้ราว 48 กิโลเมตร เธอบอกว่าชีวิตแต่งงานของเธอกับสามีชาวเกาหลีใต้ที่ยาวนาน 6 ปี ไม่ราบรื่นนัก
เธอกล่าวว่าในตอนแรกๆ เธอกับสามีสื่อสารกันได้ไม่ดีนัก มาตอนหลังๆ เริ่มทะเลาะกันบ่อยมากและสามีทุบตี เธอบอกว่าไม่เกลียดสามีเพราะรู้ว่าเขามีปัญหาติดสุรา
คุณ Lee บอกว่าแม่สามีเป็นผู้ดูแลลูกชายที่ยังเล็กแต่เธอไม่คิดว่าจะกลับไปคืนดีกับสามีแล้ว คุณ Lee โทษว่าเป็นความผิดของสำนักงานจัดหาคู่ที่แนะนำทั้งคู่ให้ได้พบกันที่เวียดนาม
เธอกล่าวว่าบริษัทจัดหาคู่แต่งงานไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้ชายที่แนะนำให้แก่ฝ่ายหญิง เธอกล่าวว่ามีความจำเป็นมากที่ผู้หญิงต้องได้รับข้อมูลส่วนตัวมากขึ้นเกี่ยวกับฝ่ายชาย อุปนิสัยใจคอและความมั่นคงทางการเงิน
ทางการเกาหลีใต้ตระหนักเห็นปัญหาอัตราการหย่าร้างที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างชายชาวเกาหลีใต้กับหญิงต่างชาติ จึงออกกฏระเบียบใหม่เกี่ยวกับการออกวีซ่าเพื่อการแต่งงาน
กฏระเบียบใหม่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดด้านการเงินและคู่หมั้นต้องแสดงให้เห็นว่าสามารถสื่อสารกันได้ด้วยภาษาใดภาษาหนึ่ง
คุณ Chung Chin-sung ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาที่มหาวิทยาลัย Seoul National University ซึ่งให้คำปรึกษาแก่ทางการเกาหลีใต้ด้านนโยบายครอบครัวต่างวัฒนธรรม เธอคิดว่าข้อกำหนดด้านการสื่อสารด้วยภาษาเดียวกันจะช่วยปรับปรุงให้ความสัมพันธ์ของคู่แต่งงานดีขึ้น แต่ข้อกำหนดใหม่ที่เกี่ยวกับการออกวีซ่าการแต่งงาน ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหานี้ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญของการแต่งงานกับชาวชาติ
ศาสตราจารย์ Chung กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าจำเป็นต้องมีการแก้ปัญหาเรื่องการจัดหาคู่ที่ผู้หญิงถูกปฏิบัติต่อเหมือนกับเป็นสินค้าไม่ใช่มนุษย์
ศาสตราจารย์ Chung ชี้ว่าการแก้ปัญหานี้ทำได้ด้วยการสั่งห้ามสำนักงานจัดหาคู่ที่จัดการแต่งงานให้แก่ลูกค้าอย่างรวดเร็วโดยที่คนทั้งสองยังไม่รู้จักนิสัยใจคอกันดี
คุณ Jolly Regacho ที่ปรึกษาประจำที่ศูนย์คนอพยพย้ายถิ่นที่เมือง Asan กล่าวว่าทางการเกาหลีใต้ต้องการให้การแต่งงานยั่งยืน การให้การศึกษาแก่ชายชาวเกาหลีใต้เกี่ยวกับการแต่งงานกับชาวต่างชาติน่าจะช่วยได้
คุณ Jolly Regacho กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าทางการเกาหลีใต้ควรจัดทำโครงการสำหรับสามีชาวเกาหลีใต้ ให้เรียนรู้วัฒนธรรมของฝ่ายภรรยาด้วย
สุดท้าย คุณ Lee Soo-yeon หญิงชาวเวียดนามที่อพยพไปอยู่เกาหลีใต้กล่าวว่า แม้จะหย่าขาดกับสามีชาวเกาหลีใต้ เธอไม่คิดจะย้ายกลับเวียดนาม เธอบอกว่าจะยังอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้เพราะนี่คือบ้านแห่งใหม่ของเธอ
